ประสบการณ์ที่รถยางแตกนั้นเป็นประสบการณ์อันน่ากลัวและอันตรายอย่างยิ่ง เพื่อที่จะรับมืออย่างถูกต้อง คุณจำเป็นจะต้องรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นที่ยางแตก ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาเพียงพริบตาเดียวก่อนที่คุณจะสูญเสียการควบคุมรถของคุณ
อันดับแรกเหนือสิ่งอื่นใด
เมื่อคุณรับรู้ได้ว่ารถของคุณยางแตกไปแล้ว สิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องทำให้ได้ก็คือ “ตั้งสติ” มันสำคัญมากเพราะสติจะช่วยให้คุณควบคุมรถและจัดการกับปัญหาที่ตามมาทีหลัง รวมทั้งพารถเข้าไปจอดยังที่ที่ปลอดภัยได้
จะรู้ได้อย่างไรว่ายางแตก?
โดยปกติแล้วคุณจะได้ยินเสียงประมาณ 3 แบบ หากรถของคุณยางแตก เสียงระเบิดตูมจะดังขึ้นมาก่อน จากนั้นจะเป็นเสียงอากาศกำลังรั่วไหลออกจากยาง และสุดท้ายจะเป็นเสียงยางที่เสียหายตีกับพื้นถนนซึ่งจะทำให้รถของคุณสั่นสะเทือนไปทั้งคัน
ยางแตกให้ความรู้สึกอย่างไร?
ถ้าหากยางรถของคุณจากฝั่งด้านหน้าแตก คุณจะสัมผัสได้ทันทีผ่านพวงมาลัยของคุณที่จะไม่นิ่งอีกต่อไป แต่ถ้าหากการแตกมาจากด้านหลัง มันจะส่งความรู้สึกผ่านเบาะนั่งของคุณขึ้นมา แต่คุณจะยังสัมผัสอาการรถที่เปลี่ยนไปได้จากพวงมาลัยถึงแม้ว่าจะไม่เท่าการแตกจากด้านหน้า
ต้องขับขี่อย่างไรในสภาพยางแตก?
เป้าหมายที่จะช่วยให้คุณรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ก็คือ อย่าสูญเสียการควบคุมรถของคุณ โดยมีคำแนะนำจากทางฝ่ายบริหารความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติ (National Highway Traffic Safety Administration – NHTSA) ดังนี้
- จับพวงมาลัยให้มั่นด้วยมือทั้ง 2 ข้าง โดยมือซ้ายจับที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา และมือขวาจับที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา พยายามควบคุมรถให้วิ่งตรงๆ เพราะในตอนนี้รถของคุณจะเริ่มดึงไปทางฝั่งที่ยางของรถคุณแตกอย่างรุนแรง
- อย่ากระทืบเบรกโดยเด็ดขาด!! คุณต้องปล่อยให้รถค่อยๆ ลดความเร็วลงมาเองจนถึงระดับที่คุณมั่นใจว่าควบคุมรถได้แล้ว จึงค่อยๆ แตะเบรก
- เมื่อความเร็วลดต่ำลงมามากแล้วให้คุณค่อยๆ ดึงรถเข้าข้างทางเพื่อจอด
- เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินบนรถของคุณ พร้อมกับจัดหาป้ายเตือนมาวางไว้ห่างจากท้ายรถของคุณไม่ต่ำกว่า 50 เมตร ถ้าหากเป็นเวลากลางคืนตัวป้ายควรจะใช้วัสดุสะท้อนแสงได้
ทำอะไรต่อหลังจากคุณจอดรถอย่างปลอดภัยแล้ว?
เริ่มจากการตรวจสอบสภาพยางของคุณ หากมันยังพอปะซ่อมได้และคุณมีอุปกรณ์ปะยางซึ่งเป็นมาตรฐานของรถสมัยนี้ติดอยู่ท้ายรถ คุณสามารถดำเนินการซ่อมเองโดยอ่านคำแนะนำจากคู่มือได้ไม่ยาก หรือรถของคุณอาจจะมียางสำรองซึ่งก็สามารถนำมาเปลี่ยนสลับกับยางที่แตกได้เช่นกัน ข้อควรระวังก็คือยางสำรองนั้นไม่ได้เหมาะที่จะนำมาใช้งานนานๆ หากคุณซื้อยางเส้นใหม่มาได้แล้ว ให้เปลี่ยนนำยางสำรองกลับไปเก็บทันที
แต่ถ้าหากคุณไม่มีทั้งยางสำรองและอุปกรณ์ซ่อม คุณอาจจะต้องโทรเรียกสายด่วนต่างๆ ให้เข้ามาช่วยเหลือคุณ เข่น ตำรวจทางหลวง หรือบริการรถยก
สาเหตุต่างๆ ที่ทำให้ยางแตก
อันที่จริงคงเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากคุณจะไม่ต้องเจอกับการที่รถของคุณยางแตก ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบยางและป้องกันการเกิดเหตุได้เบื้องต้น ดังนี้
- ตรวจวัดลมยาง – ยางที่มีลมยางอ่อนเกินไปเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยางแตกได้ ลมยางที่เหมาะสมนั้นจะถูกระบุมาแล้วบริเวณเสา B ฝั่งคนขับ คุณเพียงแค่ต้องหมั่นวัดลมยางให้มีค่าตามคำแนะนำทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา นอกจากนั้นในรถบางรุ่นยังมีสัญญาณเตือนโชว์ขึ้นมาบนหน้าจอรถให้คุณรู้ตัวโดยเร็วอีกด้วย
- ตรวจสอบสภาพยาง – โดยปกติแล้วยางรถนั้นมีอายุการใช้งานประมาณ 4 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร หากใช้งานเกินกว่านี้ตัวเนื้อยางนั้นจะสึกหรอลงไปมากจนอาจเป็นสาเหตุให้ยางแตกได้ นอกจากนั้นคุณควรจะสังเกตสภาพยางของคุณด้วยว่ามีรอยบาดเสียหายหรือแตกลายงาหรือไม่
- น้ำหนักเกิน – การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่ยางจะรับไหวนั้นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยางแตกได้หากยางถูกน้ำหนักบรรทุกกดลงจนเสียรูป ซึ่งโดยปกติแล้วรถกระบะสำหรับขนของนั้นจะมีลมยางแนะนำสำหรับบรรทุกของถูกระบุอยู่บริเวณเสา B ฝั่งคนขับเช่นกัน
อ้างอิง : travelers.com , getjerry.com , carinsurance.arrivealive.co.za , carsguide.com.au , 1075koolfm.com , limora.com