More

    เบนซินแสนจะแพง เติมเบนซินชนิดไหนจึงจะคุ้มค่าที่สุด?

    น่าจะเป็นปัญหาแสนปวดหัวของผู้ใช้รถที่เติมเชื้อเพลิงเบนซินทุกวันนี้ เนื่องด้วยราคาเชื้อเพลิงนั้นพุ่งสูงขึ้นไม่หยุดหย่อนในแต่ละวัน ดังนั้นเราจึงต้องมาหาทางออกให้กับกระเป๋าเงินของเราด้วยการหาความคุ้มค่าในการเติมน้ำมันเบนซินแต่ละชนิด

    ทุกวันนี้มีเบนซินหลายชนิดมากมายที่พร้อมออกจากหัวจ่ายเข้ามาสู่ถังน้ำมันรถของคุณ โดยชนิดของเบนซินที่นิยมในปัจจุบันนั้นมีได้แก่ เบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 95, E20, และ E85

    เอาล่ะก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่ารถของคุณนั้นรองรับเบนซินชนิดใดได้บ้าง ถ้ารถของคุณไม่ได้ถูกระบุมาว่าสามารถเติมเบนซินได้หลายชนิด คุณก็คงไม่มีทางเลือกอื่น แต่ถ้าหากรถของคุณนั้นระบุว่าสามารถเติมได้ตั้งแต่เบนซินยัน E85 โอเค… คุณโชคดีกว่าคนอื่นที่มีสิทธิเลือกเติมน้ำมันที่คุ้มค่าในการจ่ายเงิน

    esso
    ที่มาภาพ : ประชาชาติธุรกิจ

    สำหรับเบนซินที่ใช้ในบ้านเรานั้น มันจะมีทั้งเบนซินเพียวๆ และเบนซินที่ผสมเอทานอลเข้ามา ซึ่งก็คือพวกแก๊สโซฮอล์ทั้งหลายและ E20 กับ E85 โดย แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 จะมีส่วนผสมของเอทานอลอยู่ 10% ในขณะที่ E20 นั้นก็จะมีเอทานอลผสมอยู่ตามตัวเลขคือ 20% และ E85 ผสมอยู่ 85%

    เอทานอลนั้นคือเชื้อเพลิงชีวภาพที่ถูกผสมเข้ามาเพื่อลดการปลดปล่อยโมเลกุลคาร์บอน หรือก็คือลดการปลดปล่อยมลภาวะ อย่างไรก็ตามเอทานอลซึ่งเป็นแอลกอฮอล์นั้นมีค่าความหนาแน่นของพลังงานน้อยกว่าเบนซิน นั่นทำให้รถนั้นต้องใช้ปริมาณเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นมาเพื่อชดเชยพลังงานที่หายไป เป็นเหตุให้เบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลมาก รถก็จะกินน้ำมันมากขึ้นตาม

    หากเราเปรียบเทียบค่าความหนาแน่นของพลังงานของเชื้อเพลิงในแต่ละชนิด เบนซินนั้นจะมีความหนาแน่นของพลังงานที่ 34.2 MJ/l หรือคิดเป็น 100% แก๊สโซฮอล์ 95 ที่มีเอทานอลผสมอยู่ 10% พลังงานจะหายไปเหลือ 33.18 MJ/l หรือเหลือประมาณ 97% E20 ค่าพลังงานจะยิ่งลดลงเหลือ 32.16 MJ/l หรือประมาณ 94% และ E85 ที่มีค่าพลังงาน 25.65 MJ/l ก็จะมีค่าพลังงานคิดเป็น 75% ของเบนซินเท่านั้น

    fuel price
    ที่มาภาพ : facebook.com/OilPriceNotifier

    เพื่อให้ง่ายต่อการอธิบายจะขอใช้เปอร์เซ็นต์ค่าพลังงานที่หายไปเท่ากับเปอร์เซ็นต์ปริมาณน้ำมันที่ต้องใช้เพิ่ม หากเดิมทีคุณเติมแก๊สโซฮอล์ 95 แล้วต้องการเปลี่ยนมาลองใช้ E20 นั่นหมายความว่าหากคุณเคยเติมน้ำมัน 1 ลิตร และขับรถไปได้ระยะทาง 10 km คุณจะต้องใช้ E20 1.03 ลิตร หรือเพิ่มขึ้น 3% เพื่อที่จะขับให้ได้ระยะทางเท่าเดิม เมื่อลองมาคำนวณกับราคาน้ำมันแต่ละชนิด (อ้างอิงราคาน้ำมันตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์) คุณจะพบว่าเดิมทีคุณจะต้องใช้เงิน 36.55 บาท (36.55 x 1) เมื่อมาเติม E20 คุณจะต้องใช้เงิน 36.50 บาท (35.04 x 1.03) กลับกลายเป็นว่าคุณแทบไม่ได้เติมน้ำมันด้วยราคาที่ถูกลงจากการเปลี่ยนมาใช้ E20 เลย

    ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำหลังจากที่ได้อ่านบทความนี้หากคุณต้องการเลือกน้ำมันที่คุ้มค่าต่อการจ่ายมากที่สุด อย่างแรกคุณต้องหาอัตราสิ้นเปลืองของรถตัวเองออกมาก่อน ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะมีตัวแปรมากมายที่มีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองอย่าง สภาพแวดล้อม พฤติกรรมการขับขี่ และความเสื่อมสภาพของรถ แต่คุณสามารถแบ่งได้คร่าวๆ เป็นการขับขี่ในเมืองที่ขับๆ ติดๆ กับการขับขี่นอกเมืองที่รถวิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอ

    เมื่อได้อัตราสิ้นเปลืองมาแล้ว คุณก็นำค่าที่ได้มาคำนวณเข้ากับราคาน้ำมันแต่ละชนิดซึ่งมันจะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน นั่นจะช่วยบอกคุณคร่าวๆ ได้ว่า คุณควรเลือกน้ำมันชนิดใด

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts