More

    10 โมเมนต์ ตัดสินแชมป์โลก F1 2022

    Max Verstappen ได้ทำภารกิจสำเร็จลุล่วง ด้วยการป้องกันแชมป์โลกของตัวเองได้สำเร็จหลังจบการแข่งขัน Japanese Grand Prix โดยเขาเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก ในขณะที่คู่แข่งสำคัญอย่าง Charles Leclerc เข้าเส้นชัยในอันดับ 2 แต่ถูกปรับเวลาไป 5 วินาที จากการลัดชิเคนสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย ทำให้หล่นไปเป็นอันดับ 3

    อันที่จริงแล้ว ความห่างระหว่างคะแนนของนักแข่งดัตช์กับคู่แข่งที่ตามมานั้น ไม่ได้สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงที่ว่า มีทีมแข่ง 2 ทีม ขับเคี่ยวกันอยู่ตลอดฤดูกาล และนี่คือช่วงเวลาความเป็นมาต่าง ๆ ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนจากการแบทเทิลอันดุเดือดจนกลายมาเป็นการคว้าแชมป์โลกของ Verstappen

    การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น

    leclerc vs verstappen

    การมาถึงของกฎใหม่ในปี 2022 ถูกคาดหวังว่ามันจะทำให้อันดับของทีมแข่งเปลี่ยนแปลงสลับกันไปมา และเมื่อสนามแรกเปิดฉาก เราก็ได้ผู้เสียหายรายแรกทันที นั่นคือ Mercedes

    เราเริ่มเห็นเค้าลางของการเปลี่ยนแปลงอันดับมาตั้งแต่การทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล Ferrari และ Red Bull ดูจะเป็นทีมที่อยู่หัวแถว ในขณะที่ Mercedes ตามมาไม่ห่าง และเราก็ได้รับการยืนยันจากการแข่งขันที่บาห์เรน

    Leclerc ชิงเปิดความได้เปรียบไปก่อน จากชัยชนะที่ได้มาด้วยการสู้รบกับ Verstappen บนแทร็คอย่างดุเดือด และจากการที่ปั๊มเชื้อเพลิงบนรถ Red Bull ทั้ง 2 คันนั้นมีปัญหา ทำให้ไม่จบการแข่งขันทั้ง Verstappen และ Perez

    สนามถัดมา Verstappen สู้กลับด้วยการดวลล้ออย่างดุเดือดบนแทร็คกับ Leclerc อีกครั้ง และในครั้งนี้เป็นฝ่ายนักแข่งดัตช์ที่เอาชัยชนะมาได้

    2 สนามแรกผ่านไป แฟน ๆ ต่างพึงพอใจที่ได้เห็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือด นอกจากนั้น เรายังเห็นความเปลี่ยนแปลงใน DNA ของรถ Red Bull อีกด้วย โดยการที่มันกลายเป็นรถที่ทำความเร็วบนทางตรงได้เร็วมาก ซึ่งมีส่วนช่วยได้มากกับสนามที่มีทางตรงยาว

    จุดต่ำสุดของ Verstappen

    แชมป์โลก F1 2022

    ปัญหาความสม่ำเสมอของรถ Red Bull ได้ก่อกวน Verstappen ในช่วงต้นฤดูกาล ในสนามที่ 3 ที่ออสเตรเลีย มันกลับมาเล่นงานนักแข่งดัตช์อีกครั้งกับปัญหาเชื้อเพลิงรั่วไหล ทำให้เขาออกจากการแข่งขันในขณะที่อยู่ในอันดับ 2 โดยที่กำลังตามหลัง Leclerc อยู่ ทำให้ในตอนนี้ Verstappen มีแต้มตามหลังนักแข่งโมเนแกสไปแล้ว 46 คะแนน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำถามที่ว่า Red Bull อาจสูญเสียโอกาสในการลุ้นแชมป์โลกในปีนี้ จากปัญหาความไม่เสถียรของรถของพวกเขา

    ความผิดพลาดของ Leclerc เปิดประตูเชื้อเชิญ Verstappen

    แชมป์โลก F1 2022

    Verstappen สู้กลับอีกครั้งจากชัยชนะในสปรินท์เรซของรายการ Emilia Romagna Grand Prix สนามถัดมา โดยในวันนั้น Leclerc สตาร์ทได้ไม่ดีทำให้อันดับหล่นไปด้านหลัง อีกทั้งยังถูก Sergio Perez แซงได้ในช่วงเข้าพิท ทำให้ Leclerc ต้องเอาอันดับคืนมาจากนักแข่งเม็กซิกันให้ได้ก่อน

    หลังจากพิทที่สอง Leclerc ได้เฆี่ยนรถอย่างหนัก จนมันสร้างความผิดพลาดให้กับตัวเอง เมื่อเขาขับปีกเคิร์บชิเคน Variante Alta มากเกินไป ทำให้เสียการควบคุมรถและหมุนไปชนกำแพง ยังโชคดีที่เขายังกลับมาขับต่อได้และจบการแข่งขันในอันดับ 6

    วิกฤตความสม่ำเสมอของ Ferrari

    Ferrari F1-75

    เมื่อเข้าสู่การแข่งขันในยุโรป โมเมนตัมก็เริ่มที่จะชิฟต์ไปหา Verstappen และกลับกลายเป็นว่า ในตอนนี้ กลับเป็น Ferrari ที่พบกับปัญหาความสม่ำเสมอที่สาหัสกว่า Red Bull

    Ferrari พบปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง 2 จาก 3 สนาม ที่สเปนและอาเซอร์ไบจาน ในครั้งแรกนั้น Leclerc กำลังนำอยู่ในการแข่งขันที่สเปน ในขณะที่ Verstappen นั้นมีปัญหากับ DRS อีกทั้งยังหลุดแทร็คออกไปอีกด้วย แต่กลับกลายเป็นนักแข่งดัตช์คว้าชัยชนะสนามนั้นไป ส่วนนักแข่งโมเนแกสเก็บไปกลม ๆ 0 แต้ม

    มาที่บากู Leclerc นำการแข่งขันอีกครั้ง และเช่นเดิม เครื่องยนต์ของเขาพ่นควันออกมา ทำให้เขากินไข่ต้มไปอีกใบ ส่วน Verstappen ก็คว้าชัยชนะอีกครั้ง ทำให้ในตอนนี้แต้มของนักแข่งดัตช์พลิกกลับจากการที่ตามนักแข่งโมเนแกสอยู่ 19 แต้ม กลายมาเป็นขึ้นนำไป 34 แต้ม

    ไม่เพียงเท่านั้น มันได้สร้างความกังวลให้กับ Ferrari และทำให้พวกเขาต้องรับโทษจากการเปลี่ยนเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว เพียงแค่การแข่งขันที่แคนาดาซึ่งเป็นสนามที่ 3 ของฤดูกาลเท่านั้น

    เครื่องยนต์ไม่เสถียรไม่พอ ทีมพิทยังทำพิษอีก

    Ferrari Pit

    ระหว่างการแข่งขันที่สเปนและอาเซอร์ไบจานคือการแข่งขันที่โมนาโค บ้านเกิดของ Leclerc แน่นอนว่าความคาดหวังของนักแข่งโมเนแกสนั้นสูงลิ่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาคว้ากริด 1-2 มาได้

    อย่างไรก็ตาม Ferrari เปลี่ยนผลงานจากกริด 1-2 ไปเป็นการจบการแข่งขันในอันดับ 2 และ 4 ซึ่งนักแข่งโมเนแกสที่ได้โพลไม่จบการแข่งขันบนโพเดียมเสียด้วยซ้ำ สิ่งนั้นเกิดจากกลยุทธ์พิทที่ผิดพลาดถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกพวกเขาเรียก Leclerc เข้าพิทมาเปลี่ยนจากยางฝนเป็นยางกึ่งเปียกกึ่งแห้งช้าเกินไป และอีกครั้งกับการเรียกเข้าพิทมาผิดจังหวะจนเกิดพิทซ้อน

    นั่นทำให้เกิดการเรียกร้องให้พิจารณาความเหมาะสมของทีมวางแผน ซึ่งพวกเขาก็มิได้นำพา และมันก็เกิดขึ้นอีกครั้งในการแข่งขันที่ Silverstone

    ที่ British Grand Prix มันเป็นโอกาสของ Leclerc ที่นำอยู่ในขณะนั้นที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเข้าข้างตัวเอง เพราะรถของ Verstappen เจอเศษชิ้นส่วนรถคันอื่นเข้าไปติดอยู่ใต้ท้องรถ ทำให้รถของเขาสูญเสียการควบคุมรถที่ดี แต่เมื่อเซฟตี้คาร์ออกมา ทีมกลยุทธ์ของ Ferrari กลับเรียก Carlos Sainz เข้าพิท และปล่อยให้ Leclerc ที่นำอยู่วิ่งต่อไป

    ผลที่ออกมาก็ไม่ต้องเดาให้ยากเย็น นักแข่งโมเนแกสได้กลายเป็นเป้านิ่งของนักแข่งข้างหลังที่เปลี่ยนยางสดใหม่กว่ามา เขาสูญเสียชัยชนะที่ควรจะได้มาในวันนั้น และกลายเป็นหลุดโพเดียมไปอีกครั้ง

    Leclerc พลาดซ้ำทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก

    leclerc

    ถ้าทีมพิทย่ำแย่ แต่นักแข่งยังกู้สถานการณ์ได้ ผลที่ออกมาก็จะยังไม่เลวร้ายมากนัก แต่คราวนี้กลับเป็นนักแข่งที่ทำผิดพลาดเองบ้าง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะรอดตัวไม่เสียหายมากจากการพลาดหลุดโค้งที่ Imola แต่กับที่ฝรั่งเศส มันถึงขั้นทำให้เขาไม่จบการแข่งขัน

    ในการแข่งขัน French Grand Prix อยู่ดี ๆ นักแข่งโมเนแกสก็สไลด์หลุดโค้งความเร็วสูงออกไปดื้อ ๆ โดยที่ไม่ได้มีใครมากดดันอะไร นั่นส่งผลให้นักแข่งดัตช์ทำงานคว้าชัยชนะไปได้อย่างสบาย ๆ และทำคะแนนฉีกหนีออกไปอีก

    Verstappen ระห่ำคว้าชัยฮังการี

    แชมป์โลก F1 2022

    โอกาสของ Ferrari และ Leclerc มาอีกครั้งในการแข่งขันที่ Hungaroring เมื่อ Verstappen พบกับปัญหาเครื่องยนต์ในระหว่างการควอลิฟาย ทำให้เขาต้องไปสตาร์ทในกริดที่ 10 ในขณะที่ Leclerc สตาร์ทในกริดที่ 3

    และก็เป็นอีกครั้งที่ Ferrari ทำกลยุทธ์พิทอัน ‘ยอดเยี่ยม’ Leclerc ไต่อันดับจนขึ้นมาเป็นผู้นำได้ และดูเหมือนว่าเขาจะสามารถกลับมาคว้าชัยชนะได้เสียที แต่แล้วทีมพิทม้าลำพองก็ตัดสินใจเรียกเขาเข้าพิทเร็วเพื่อป้องกันการอันเดอร์คัท และใส่ยางฮาร์ดให้กับเขาออกไปวิ่ง ซึ่งปรากฏว่า ยางฮาร์ดไม่สามารถที่จะทำอุณหภูมิได้และเกรนนิงอย่างรวดเร็ว จนทำให้นักแข่งโมเนแกสต้องเข้าพิทไปเปลี่ยนยางอีกครั้ง ส่งผลให้เขาจบการแข่งขันในอันดับ 6 ที่แย่ไปกว่านั้นคือ Verstappen สามารถที่จะคว้าชัยชนะที่ไม่น่าเป็นไปได้ในวันนั้นได้

    Ferrari เริ่มสูญเสียแนวทางของตัวเอง

    แชมป์โลก F1 2022

    หลังจบการแข่งขันที่ฮังการี ก็เป็นช่วงพักครึ่งฤดูกาลซึ่งทำให้หลาย ๆ ทีมมีเวลากลับไปทบทวนความผิดพลาดและแก้ไข Ferrari เองก็เช่นกัน พวกเขาคาดหวังว่าจะแก้ไขความผิดพลาดและกลับมาสู้ใหม่ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือ Red Bull นั้นแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น

    ด้วยสนามพาวเวอร์แทร็คอย่าง Spa-Francorchamps มันเข้าทางรถที่มีความเร็วทางตรงอันเหลือเชื่ออย่าง Red Bull อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ว่านักแข่งดัตช์จะมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ทำให้ต้องไปสตาร์ทในอันดับ 14 แต่เขาก็สามารถขับรถผ่านเส้นชัยเป็นคันแรกได้ ในขณะที่ Leclerc ที่สตาร์ทในกริดที่ 15 เนื่องจากมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนเครื่องยนต์เช่นกัน นักแข่งโมเนแกสทำได้ดีที่สุดเพียงการจบการแข่งขันในอันดับ 6 เท่านั้น

    ที่ Zandvoort นักแข่งโมเนแกสพยายามท้าทายนักแข่งดัตช์ในบ้านของเขา แต่ก็เป็นอีกครั้งที่การสึกหรอยางของ Ferrari ทำให้ Leclerc ไม่สามารถสู้กับ Verstappen ได้อีกครั้ง แน่นอนว่าที่ Monza เองก็เช่นกัน มันชัดเจนยิ่งกว่าชัดว่า Ferrari ได้สูญเสียโมเมนตัมไปอย่างสิ้นเชิง

    Red Bull ยังคงพัฒนาต่อเนื่อง

    แชมป์โลก F1 2022

    Red Bull ได้มีการอัปเกรดรถอย่างไม่ขาดสาย พวกเขาอัปเกรดพื้นรถที่ช่วยให้สามารถปรับเซตอัพให้เข้ากับทุกความต้องการของแทร็ค อีกทั้งยังมีการลดน้ำหนัก ทำให้การกระจายน้ำหนักบนตัวรถมีอิสระมากขึ้น ซึ่งมันทำให้ตัวรถยิ่งเข้ามือ Verstappen มากขึ้นไปอีก ซึ่งเราเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ที่ Spa ที่นักแข่งดัตช์นั้นสามารถขึ้นนำได้ตั้งแต่รอบที่ 18 และทิ้งอันดับ 2 ไปถึง 17 วินาที เมื่อถึงเส้นชัย

    ปิดจ็อบป้องกันแชมป์โลกที่ญี่ปุ่น

    แชมป์โลก F1 2022

    Verstappen เข้าถึงแมตช์พอยต์ของโอกาสในการคว้าแชมป์โลกปีนี้ตั้งแต่ที่สิงคโปร์ แต่ความผิดพลาดในระหว่างการแข่งขันทำให้เขาจบการแข่งขันในอันดับ 7 และทำให้งานปิดจ็อบของเขาต้องเลื่อนมาที่ญี่ปุ่น

    ที่ Suzuka นักแข่งดัตช์ขึ้นนำยาวจนกระทั่งชนะการแข่งขันท่ามกลางสภาวะฝนกระหน่ำ และการที่นักแข่งโมเนแกสจบการแข่งขันในอันดับ 2 รวมถึงอาจมีการคิดคะแนนเพียงครึ่งคะแนน ทำให้มีโอกาสที่การปิดจ็อบของ Verstappen จะถูกเลื่อนออกไปยังสนามออสติน

    อย่างไรก็ตาม Leclerc ถูกลงโทษบวกเวลา 5 วินาที หลังจบการแข่งขัน จากการที่เขาลัดโค้งในชิเคนสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย ทำให้อันดับของเขาร่วงลงไปเป็นอันดับ 3 อีกทั้งจากการตีความกฎจาก FIA ทำให้คะแนนถูกมอบให้กับนักแข่งแบบเต็มจำนวน ส่งผลให้ท้ายที่สุดแล้ว Max Verstappen สามารถคว้าแชมป์โลกในปี 2022 ได้สำเร็จ

    อ้างอิง : the-race.com

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts