ของเก่าไปของใหม่มานั้นเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติของโลก วงการฟอร์มูล่าวันเองก็เช่นเดียวกัน โดยในปี 2022 นั้น F1 มีการเปลี่ยนแปลงในหลายสิ่งหลายอย่างมากมายเลยทีเดียว เราจึงได้รวบรวม 10 อย่างที่แฟนๆ น่าจะสนใจและตั้งตารอคอยมาสรุปให้รับทราบโดยทั่วกัน
- รถดีไซน์ใหม่แกะกล่อง
ปี 2022 สามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นยุคใหม่อีกครั้งของ F1 ตัวรถนั้นถูกออกแบบใหม่จากกฎที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีตั้งแต่การกลับมาใช้ กราวนด์ เอฟเฟ็คต์ เปลี่ยนวงล้อเป็นขอบ 18 นิ้ว หรือปีกหน้าและจมูกรถที่ถูกออกแบบใหม่ ทั้งหมดนี้นั้นจะทำให้รถแข่งสามารถขยับเข้าใกล้กันได้มากขึ้น และจะทำให้มีการแซงบนแทร็คเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้นตัวรถยังได้มีการออกแบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และมีการใช้อัตราส่วนเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังรณรงค์อยู่
- เวอร์สแท็พเพ่นหนี แฮมิลตันไล่
ถึงแม้ว่าตัวรถจะถูกเปลี่ยนแปลงไปจนดูน่าสนใจมากขึ้นเพียงใด แต่ความน่าสนใจคงจะไปไม่สุดหากขาดซึ่งการขับเคี่ยวกันบนแทร็ค และในปี 2022 นี้เรียกได้ว่าเป็น “ยกที่ 2” ของ แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น vs ลูวอิส แฮมิลตัน
แฮมิลตันนั้นตั้งเป้าที่จะคว้าแชมป์โลกครั้งที่ 8 ของตัวเองให้ได้ เพื่อให้เขาได้กลายเป็นเพียง “ผู้เดียว” ที่คว้าแชมป์โลกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วนเวอร์สแท็พเพ่นนั้นก็คาดหวังที่จะป้องกันแชมป์โลกของตัวเองเอาไว้ ซึ่งในปีนี้นั้นเหตุการณ์จะสลับขั้วกันกับปีที่แล้ว คราวนี้แฮมิลตันจะเป็นฝ่ายไล่ล่าบ้าง และเวอร์สแท็พเพ่นจะต้องทำทุกวิถีทางในการป้องกันแชมป์โลกของตัวเอง
- อัดแน่นด้วยการแข่งขันถึง 23 เรซ
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดและโควิดไม่ระบาดหนักจนเกินไป ในปี 2022 เราจะได้เห็นการแข่งขันที่มีจำนวนสนามมากที่สุดในประวัติศาสตร์ F1 มันมีจำนวนถึง 23 เรซ และเมื่อคิดถึงการที่แทร็คที่ยูนีคอย่าง ซูซุกะ หรือ มอนทรีออล จะกลับมา มันก็เป็นอะไรที่น่าติดตามชมไม่น้อย นอกจากนั้นยังมีน้องใหม่อย่างไมอามีเข้ามาเสริมทัพอีกด้วย
- เฟอร์รารีและแม็คลาเรนจะขึ้นมาร่วงวงด้วย
เฟอร์รารีและแม็คลาเรนนั้นทั้งคาดหวังและถูกคาดหวังว่าจะสามารถขึ้นมาต่อสู้แย่งชิงแชมป์โลกกับเมอร์เซเดสและเรดบูลล์ในปี 2022 ทั้งคู่นั้นมีพัฒนาการที่น่าจับตา โดยแม็คลาเรนสามารถคว้าชัยชนะครั้งแรกได้นับตั้งแต่ปี 2012 ที่มอนซ่า และเป็นเพียงทีมเดียวที่ชนะแบบ 1-2 ในปี 2021 ส่วนเฟอร์รารีนั้นกระโดดจากอันดับ 6 ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 โดยสามารถเก็บแต้มได้มากขึ้นกว่าปี 2020 ถึงเกือบ 200 แต้ม
แลนโด้ นอริส นั้นน่าจับตามองมากทีเดียว เจ้าตัวมีฤดูกาลที่ดีที่สุดใน F1 ในปี 2021 และยังคงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เฟอร์รารีนั้นส่วนผสมระหว่าง ชาร์ล เลอแคลร์ และ คาร์ลอส ซายน์ซ ลงตัวและกลมกล่อมอย่างถึงที่สุด ซึ่งไลน์อัพคู่นี้ได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งที่สุดในปีที่ผ่านมา
ทางด้าน แดเนียล ริคคิอาร์โด นั้น ถึงแม้ว่าผลงานในปี 2021 จะยังไม่เป็นไปตามที่หลายๆ คนรวมทั้งเจ้าตัวเองคาดหวัง แต่นักแข่งออสซีก็กำลังปรับตัวเข้ากับทีมและตัวรถได้ดีขึ้นๆ อย่างช้าๆ และจากประสบการณ์ที่เขาเคยแสดงให้เห็นเมื่อตอนสมัยอยู่เรโนลต์ เขามักจะปรับตัวได้ดีขึ้นกว่าเดิมในช่วงปีที่ 2 กับทีม
เมื่อนำทุกชิ้นส่วนมาจัดวางเข้าด้วยกัน เราสามารถคาดหวังได้เลยว่าปี 2022 จะเป็นอีกปีที่เฟอร์รารีและแม็คลาเรนน่าจะสู้กันอย่างดุเดือดตลอดปี และอาจมีลุ้นถึงขั้นขึ้นไปขัดแข้งขัดขากับเมอร์เซเดสและเรดบูลล์ได้อีกด้วย
- ยักษ์ใหญ่อีกสองกำลังหาลู่ทางขึ้นแถวหน้า
นอกจากเฟอร์รารีและแม็คลาเรนแล้ว อีก 2 ค่ายที่น่าจับตาคือ อัลปีน และ แอสตันมาร์ติน ซึ่งทั้ง 2 ค่ายนี้ต่างมีชื่อเสียงของแบรนด์เป็นเดิมพัน และบอร์ดบริหารต่างต้องการที่จะเห็นแบรนด์ของตัวเองทำผลงานให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
อัลปีนสร้างเซอร์ไพรส์ในปี 2021 ด้วยชัยชนะที่ฮังการีจาก เอสเตบัน โอคอน ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมมือเก๋าอย่าง เฟอร์นันโด อลองโซ คัมแบ็คกลับคืนสู่กริด F1 โดยที่ยังไม่ทิ้งลายของตัวเอง แชมป์โลก 2 สมัยสามารถขึ้นโพเดียมได้อีกครั้งในรอบ 7 ปี ที่กาตาร์
ทางด้านแอสตันมาร์ตินพบปัญหาหนักกว่าในการออกแบบกับกฎใหม่ปี 2021อย่างไรก็ตามด้วยดีกรีแชมป์โลก 4 สมัย เซบาสเตียน เวทเทล เอารถสีเขียวเข้มขึ้นโพเดียมได้ที่บากู และเกือบจะได้อีกครั้งที่ฮังการี หากไม่ถูกบทลงโทษทำให้ต้องเสียโพเดียมไป
ด้วยกฎที่ทำให้ทุกทีมต้องออกแบบรถใหม่ในปี 2022 นั่นถือว่าเป็นโอกาสชิ้นโตที่ 2 ค่ายนี้จำเป็นต้องคว้าไว้และใช้ประโยชน์จากมันให้ได้มากที่สุดในการขึ้นสู่แถวหน้า
- อัลบอนกลับมาภายใต้สังกัดใหม่
อเล็กซานเดอร์ อัลบอน จะได้หวนคืนสู่แทร็คอีกครั้งในปีนี้ โดยนักแข่งลูกครึ่งไทยใช้เวลา 1 ปีเต็มนอกสนามในฐานะนักขับทดสอบให้กับเรดบูลล์ และได้ลงแข่ง DTM อีกหนึ่งรายการระดับท็อปของมอเตอร์สปอร์ต
อัลบอนกลับมาในครั้งนี้ เขาจะได้ใส่เสื้อทีมวิลเลียมส์ โดยต้นสังกัดจับคู่เขากับ นิโคลาส ลาติฟี ซึ่งอยู่กับทีมมาเป็นปีที่ 3 โดยนักแข่งไทย-บริติช ได้รับการคาดหวังที่จะช่วยผลักดันผลงานของทีมที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นให้ก้าวขึ้นไปให้เร็วขึ้นอีก และเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะทีเดียวเนื่องจากนักขับทุกคนจะต้องปรับตัวกับรถใหม่ ทำให้เขาไม่เสียเปรียบในการเรียนรู้มากนัก
- นักแข่งจีนเดบิวต์ครั้งแรก
นอกจากอัลบอนแล้วยังมีนักขับจากเอเชียที่มาใหม่อีกหนึ่งคน กวนยู โจว นักขับจากจีนดีกรีรองแชมป์โลกอันดับ 2 ในการแข่งขันฟอร์มูล่าทูปีล่าสุด โจวจะเป็นนักแข่งสายเลือดจีนคนแรกที่ได้ลงแข่งขันฟอร์มูล่าวันเต็มฤดูกาล และจะเป็นรูกี้เพียงคนเดียวในปีนี้
ถึงแม้ว่าโจวจะเพิ่งได้เดบิวต์ในปีนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ลองขับรถ F1 เจ้าตัวได้เคยทดสอบรถกับทั้ง อัลปีน และ อัลฟ่า โรเมโอ มาแล้ว เพียงแต่การลงขับในปีนี้นั้น เขาจะต้องแสดงให้เห็นถึงความเร็วในระหว่างการแข่งขันรวมทั้งการรับความกดดันต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ได้ถูกดึงตัวขึ้นมาเพียงเพราะเงินเพียงอย่างเดียว
- ฮาสและอัลฟ่าล้างหน้าไพ่
ฮาสจบฤดูกาล 2021 โดยไม่มีแต้มติดมือแม้แต่แต้มเดียว ส่วนหนึ่งนั้นมาจากการที่ฮาสเซฟงบประมาณและนำไปลงกับการพัฒนารถปี 2022 อย่างเต็มรูปแบบ จึงเป็นที่น่าสนใจว่าการเสี่ยงของพวกเขานั้นจะให้ผลออกมาเป็นเช่นไร นอกจากนั้น 2 นักขับน้องใหม่อย่าง มิค ชูมัคเกอร์ และ นิกิต้า มาเซปิน ซึ่งเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม จะสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ถึงระดับไหน
ทางด้าน อัลฟ่า โรเมโอ จะได้นักขับใหม่ยกชุดในปีนี้ วาลท์เทรี บ็อตตาส ได้ย้ายสังกัดมาจากเมอร์เซเดส ส่วน กวนยู โจว ถูกโปรโมตขึ้นมาจากการแข่งขัน F2 ทำให้นี่เป็นส่วนผสมที่ดูน่าสนใจระหว่างนักขับมากประสบการณ์และน้องใหม่ไฟแรง
- ฤดูกาลที่ใหญ่ที่สุดของ F2 และ F3
ฟอร์มูล่าทูและฟอร์มูล่าทรีนั้นถูกวางตัวไว้เป็นซีรีย์ที่เป็นบันไดในการไต่เต้าขึ้นสู่ฟอร์มูล่าวัน ในปีนี้ F2 จะแข่งขันกันถึง 14 สนามซึ่งมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยจัดการแข่งขันมา ส่วน F3 จะจัดการแข่งขันควบคู่กับ F2 และ F1 ใน 9 สนาม
นอกจากนั้นทั้ง 2 รายการยังเตรียมตัวต้อนรับน้องใหม่อย่าง ฟาน อาเมอร์ฟอร์ท เรซซิ่ง ทีมแข่งสัญชาติดัตช์ซึ่งขยายกิจการขึ้นมาจาก ฟอร์มูล่า รีเจียนแนล ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งค่ายนี้สร้างนักขับมากฝีมือมาแล้วมากมาย เช่น แม็กซ์ เวอร์สแท็พเพ่น, ชาร์ล เลอแคลร์ หรือ มิค ชูมัคเกอร์
- ขอต้อนรับไมอามีเข้าสู่ F1
ในปี 2022 F1 จะจัดการแข่งขันไมอามีกรังด์ปรีซ์เป็นครั้งแรก รถแข่งจะต้องวิ่งไปตามแทร็คที่อยู่รอบๆ ไมอามี อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้โดรม ความยาว 5.41 km ที่น่าสนใจก็คือ แทร็คแห่งนี้จะมีโซน DRS ทั้งหมด 3 โซน โดยประมาณการว่าจะทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 320 km/h
ที่มา : f1.com , autosport.com , news.tvs-24.com , telegraph.co.uk , dive-bomb.com , motorsportmagazine.com , asnmp.com , autoweek.com