More

    รีวิว! HAVAL H6 PHEV แบบฝึกหัดสำหรับคนอยากใช้รถไฟฟ้า

    มาทำตลาดในไทยเกือบสองปีก็ได้รับการตอบรับอย่างดีสำหรับรถยนต์รุ่นแรกของค่าย Great Wall Motor ที่มาประเดิมตลาดในเมืองไทยอย่าง HAVAL H6

    HAVAL

    ด้วยค่าตัวจับต้องได้รวมถึงข้าวของที่ให้มาดูเกินหน้าเกินตาคู่แข่งในระดับเดียวกันแถมเป็นเจ้าเดียวในกลุ่มที่มาแบบขุมพลังลูกผสม Full Hybrid หรือ HEV 243 แรงม้า 530 นิวตันเมตร ส่งผลขึ้นครองอันดับกลุ่มรถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีอย่างเบ็ดเสร็จและวันนี้ HAVAL พร้อมที่จะสานต่อความสำเร็จอันดับ 1 ต่อไปกับ HAVAL H6 PHEV เอสยูวีเสียบปลั๊ก Plug In Hybrid ที่มียอดจองมหัศจรรย์ตั้งแต่เปิดรับจองออนไลน์ภายใน 1 วัน 1,241 คัน และเริ่มส่งมอบไปแล้ว 60 คัน สำหรับลูกค้ากลุ่มแรก และเพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงความเป็นเอสยูวีเสียบปลั๊กน้องใหม่แดนมังกรทาง HAVAL จัดเส้นทางกรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยาไปกลับ 223 กม. ให้สื่อมวลชนรวมถึงทีมงาน Car2Day ได้รู้จักมันมากขึ้น

    Design & Exterior

    HAVAL

    HAVAL H6 PHEV ULTRA คอมแพ็คเอสยูวีคล้ายๆกับ HAVAL H6 HEV ULTRA ยกพื้นฐานมาทั้งหมดมองผิวเผินเหมือนกันแต่ปรับหน้าตาเล็กน้อยเริ่มกันที่การเปลี่ยนชุดกระจังหน้าโครเมียมทรง Star Matrix แบบเดียวกับรุ่น H6 Supreme สเปกจีน ขนาดใหญ่สีดำดุดันและแข็งแกร่งแต่ดันไปคล้ายกับ Peugeot 3008 ไฟหน้า Intelligent LED Headlamp ดีไซน์ล้ำสมัยด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow me home) ในชุดกันชนหน้าใหม่สีเดียวกับตัวรถตกแต่งคิ้วสีเงินพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ด้านข้าง สปอร์ตด้วยกระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมเลี้ยวปรับระดับและพับด้วยระบบไฟฟ้า หรูหราด้วยคิ้วกรอบประตูทั้งบานและคิ้วชายล่างประตู ตกแต่งด้วยโครเมียมอันเงางาม ที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวรถทำงานร่วมกับกุญแจรีโมท Smart Key แค่พกใส่กระเป๋ากางเกงก็สามารถล็อก-ปลดล็อกประตูรถและฝาท้ายได้ ล้ออัลลอยลายเดิมขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางใหม่เพิ่มความกว้างของยางมาอีก 10 มม. เพื่อรองรับน้ำหนักตัวรถและกำลังที่มากขึ้นเป็น 235/55R19 จาก Goodyear รุ่น Eagle F1 asymmetric 3 SUV หลังคาพาโนรามิกซันรูฟสุดหรู ขนาด 1.2 เมตรให้เห็นโลกรอบตัวได้ถึง 360 องศา ราวหลังคารถดีไซน์เรียบเนียนสีเงิน และเสาอากาศครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ ด้านท้ายหน้าตาเหมือนรุ่น H6 HEV ULTRA ไฟท้าย LED Taillight Strip เป็นแนวยาวพาดจากซ้ายจรดขวามาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED มองเห็นได้ชัดเจนเก๋ไก๋ด้วยสปอยเลอร์หลัง เพิ่มความปลอดภัยด้วยไฟตัดหมอกหลัง LED กับกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถในส่วนบนและสีดำในส่วนล่าง นอกจากปรับหน้าตาปรับความกว้างของล้อแล้วยังเพิ่มประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ช่วยให้การเปิดประตูด้านท้ายรถในขณะถือสัมภาระง่ายยิ่งขึ้นซึ่งจะมีแค่ในรุ่น H6 PHEV ULTRA

    ็HAVALตัวรถสร้างจาก GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูลาร์อัจฉริยะและมีมิติตัวรถต่างจาก HAVAL H6 HEV ULTRA อยู่นิดเดียวตั้งแต่ความยาว 4,683 มม. ความกว้าง 1,886 มม. ความสูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อ 2,738 มม. น้ำหนักรถ 1,881-1,910 กก. ความสูงจากใต้ท้องรถ 170 มม. และความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร ถ้าเทียบกับรุ่น H6 HEV ULTRA พบว่า น้ำหนักรถต่างกัน 190-191 กก.  ความสูงจากใต้ท้องรถเตี้ยลง 5 มม. และความจุถังน้ำมันน้อยลง 6 ลิตร

    Interior & Convenience

    HAVAL

     

    ภายในของ HAVAL H6 PHEV ULTRA ไม่ต่างจากรุ่น H6 HEV ULTRA ง่ายๆก็คือยกมาทั้งกะปินั่นเองตกแต่งด้วยสีทูโทน เทาดำ/สีครีมโรสโกลด์ ตั้งแต่แผงคอนโซลหน้ารูปตัวทีลายร้อมด้วย มาตรวัดดิจิตอล HD Multi Information Display 10.25 นิ้ว จอแสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) แสดงภาพข้อมูลการขับขี่ครบครัน เชื่อมต่อหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว เต็มอิ่มกับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP3, JOOX และ Navigator บอกตำแหน่ง Point of Interest ทั้งร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และ ห้างสรรพสินค้า ลำโพง 8 จุดรอบคันพร้อม Treble Woofer และ DTS พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบกรองอากาศ PM 2.5 มีปุ่ม Push Start ทำงานร่วมกับกุญแจรีโมท Smart Key มีชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ดีไซน์หรู พร้อมสีพิเศษแบบ High-gloss ช่วยเติมสีสันและความหรูหราให้กับห้องโดยสาร กับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังสามก้านสีดำและแป้นบีบแตรติดตรา HAVAL แบบสีครีมโรสโกลด์

    HAVAL

    มีฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ทั้งอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) และ GWM Application: ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ อีกทั้งยังมีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายสะดวกและง่ายกว่า พร้อมเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางในส่วนคนขับและไฟฟ้า 4 ทิศทางในส่วนคนนั่ง เบาะหลังพร้อมที่เท้าแขนกลาง อีกระดับของความสบายด้วยช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ช่องเสียบ USB ตัวเบาะหลังยังพับได้ 40/60 และสร้างบรรยากาศอบอุ่นภายในห้องโดยสารด้วยไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร Ambient Light

    Engine & Transmission

    HAVAL

    HAVAL H6 PHEV ULTRA ยังใช้ขุมพลังเบนซินเทอร์โบเดิมจากรุ่น H6 HEV ULTRA ขนาด 1.5 ลิตร รหัส GW4B15D GDIT EVO ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก 75 x 84.9 มม.  อัตราส่วนกำลังอัด 11.5:1 ให้พลังในภาคเครื่องยนต์ 150 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที พัฒนาเพิ่มพลังมากขึ้นชาร์จได้มากขึ้นและวิ่งไกลสุดมากขึ้นด้วย ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว และเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT (กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคาดว่ายังใช้กำลังจากรุ่น H6 HEV ULTRA 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร)  ความจุแบตเตอรี่ lithium ion มากถึง 34 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตร มีระยะทางวิ่งสูงสุด 201 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle) รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมดทั้งโหมด Hybrid 4 โหมด = ECO, Normal, Sport, Snow และโหมด EV = ECO, Normal, Sport, Snow  โดย ECO STICKER ให้ค่า CO2 12 กรัม/กม. และอัตราสิ้นเปลือง 200 กม./ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า

    Handling & Ride

    HAVAL

    ด้วยน้ำหนักรถเพิ่มมาจาก HAVAL H6 HEV ULTRA เพียง 190 กก. (1,910 กก.) ผนวกกับขุมพลังเดิมแรงม้าแรงบิดในส่วนเครื่องยนต์ ปรับแรงม้าแรงบิดรวมเพิ่มขึ้น เพิ่มก้อนถ่านให้ใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่มีผลต่อเรี่ยวแรงการขับขี่เพราะยังให้ความเร้าใจความมั่นใจในการขับขี่เร่งแซงดีแม้จะใช้ทุกโหมดการขับขี่อาจคล้ายๆกับ MG HS PHEV เช่นโหมด ECO ตอนออกตัวจะใช้พลังมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก หรือถ้าอยากให้เครื่องยนต์ติดเพื่อประหยัดการใช้แบตก็ลองมาเล่นโหมด Normal  โหมด Sport แน่นอนว่าเครื่องยนต์จับมือกับมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกันสร้างอัตราเร่งได้ดี เรียกว่ากดคันเร่งกำลังมาเต็มเปี่ยม โดยบางโหมดที่ทำงานร่วมกับเครื่อง 1.5 ลิตร ก็สามารถพาร่างเกือบสองตันชูดค่อนข้างทันใจถึง ระบบเกียร์อัตโนมัติ แบบ DHT ออกแบบมาสร้างเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายเมื่อทํางานร่วมกับเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ผสานการตัดต่อกำลังแบบไร้รอยต่อไม่กระตุกขับเคลื่อนอย่างมีพลัง

    HAVAL

    เมื่อเขาเคลมว่าวิ่งไกลสุด 201 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง แต่คันที่ได้มานั้นกลับได้ราว 178 กม. ระดับแบต 90 % ซึ่งช่วงขาไปขับโหมด EV เสียเป็นส่วนใหญ่แต่พอกลับเข้ามากรุงเทพฯแบตเตอรี่ดันหมดระหว่างทาง แต่ก็ยังใช้โหมด Hybrid คือเครื่องยนต์ผสมมอเตอร์ไฟฟ้าใช้งานได้ปกติ แต่ถ้าไม่อยากใช้เครื่องยนต์ อยากใช้ไฟฟ้าต่อไปเพื่อประคองรถไปหาสถานีชาร์จ EV  ยังมีระบบชาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่ขณะขับขี่เมื่อใช้โหมด EV เพียวๆหมดยังสามารถชาร์จกลับได้ โดยเลือกระดับการชาร์จตั้งแต่ 30-80% ผมเลือกระดับชาร์จกลับ 30% ได้กลับมา 10% สามารถวิ่งได้อีก 20 กม. ยอมรับเลยว่าชาร์จกลับได้เร็วมากแต่อย่างว่าเมื่อชาร์จกลับกำลังเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานหนักเพื่อชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้ามาและการกินน้ำมันที่มากขึ้นก็ตามมาด้วยรถคันนี้ถ้าเติมน้ำมันสามารถเติมสูงสุดถึง E20 ส่วนการชาร์จรถนั้นมีไม่กี่คันในไทยและไม่กี่คันในกลุ่มคอมแพ็คเอสยูวีแถมเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมชาติสามารถใช้หัวชาร์จไฟฟ้าแบบ CCS Type 2 combo (Combined Charging System) รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) ชาร์จเร็ว 0% – 80 % กำลังไฟสูงสุด 48 kW ประมาณ 35 นาที และการชาร์จแบบไฟบ้าน (AC) ชาร์จช้า 0% – 100% ประมาณ 6 ชั่วโมง กำลังไฟสูงสุด 6.6 kW โดยช่องเสียบนั้นอยํู่ด้านข้างตัวรถทางขวามือ ส่วนซ้ายมือเป็นช่องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง

    HAVAL

    ช่วงล่างหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลง มีการปรับในส่วนของโช้กอัพด้วยการปรับแกนโช้กจากเดิม 14 เป็น 16 มม. และยังปรับค่าสปริงผลออกมานั้นให้ควมหนึบขึ้นรีบาวนิ่มนวลให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนกว่ารุ่น H6 HEV ULTRA อย่างมาก พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าให้น้ำหนักกำลังดี ตามความเร็วและโหมดการขับขี่ ระบบห้ามล้อเป็นดิสก์เบรกสี่ล้อ เบรกได้ดีฉับไว กดแป้นมากขึ้นถึง 20 % ระยะเบรกสั้นพอสมควร

    Safety & Feature

    HAVAL

    เอสยูวีเสียบปลั๊กคันนี้มอบความปลอดภัยล้นคันกว่าเพื่อนร่วมชาติไม่ว่าจะเป็นระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย Driver Assistance and Safety Systems มาครบทั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS, ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA), ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) เพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง, ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA), กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา, เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI), ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB), ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA), ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW), ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน, ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK), ช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ช่วยลงทางลาดชัน (HDC), ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA), ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW), ตรวจความดันลมยาง (TPMS), ช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) และถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน

    Verdict


    HAVAL
    HAVAL

    ด้วยค่าตัวล้านเจ็ดทอนหนึ่งพัน (1,699,000 บาท) ที่ค่าตัวอยู่ในระดับคั่นกลางระหว่างเพื่อนร่วมชาติอย่าง MG HS PHEV (แพงกว่า H6 PHEV ด้วยส่วนต่าง 320,000 บาท) และเพื่อนต่างชาติอย่าง Mitsubishi Outlander PHEV  (ถูกกว่า H6 PHEV ด้วยส่วนต่าง 50,000 บาท) แต่ด้วยตัวรถที่ใหม่กว่าทั้งสองรุ่นแถมได้ชาร์จ DC ความปลอดภัยล้ำหน้ากว่าสองคันยิ่งทำให้โดดเด่นขึ้นมาทันที แต่หน้าตานั้นแทบไม่ต่างจาก HAVAL H6 HEV ULTRA แค่เปลี่ยนหน้าอย่างเดียวอยากให้เพิ่มจุดเด่นจุดต่างขึ้นมาอีก ถึงจะสบายจะเร่งแซงดียังไงแต่การใช้งานยังดูขัดๆโดยเฉพาะโหมดการขับขี่ 8 โหมดที่ไม่มีปุ่มปรับโหมดการขับขี่แยกออกมาจากจอสัมผัสเพราะถ้าหากปรับโหมดจากจออย่างเดียวอาจเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ควรจะต้องมีปุ่มโหมดแยกออกมา ส่วนเสียงที่คำรามตอนชะลอรถ ดังบ่อยครั้งคล้ายเสียงสังเคราะห์อาจทำให้รู้สึกรำคาญในการขับขี่เรื่องนี้ที่ต้องปรับปรุง และถ้าอยากได้รถไฟฟ้าล้วนแต่กังวลในเรื่องสถานีชาร์จที่ยังกระจุกอยู่ เอสยูวีเสียบปลั๊กคันนี้สามารถเป็นแบบฝึกหัดสำหรับมือใหม่ที่หัดเล่นและต่อยอดซื้อรถไฟฟ้าล้วนเพิ่มอีกคันในอนาคต สำหรับ HAVAL H6 PHEV ULTRA

    ขอขอบคุณ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่เชิญทีมงาน Car2Day เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถ HAVAL H6 PHEV ULTRA

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts