More

    2022 Haval Jolion HEV สิงโตสุดหล่อเปิดราคาเริ่ม 879,000 บาท

    ในที่สุด Haval ค่ายรถเอสยูวียอดขายอันดับ 1 ก็ประกาศราคาจำหน่ายเจ้าเอสยูวีสุดหล่ออย่างเป็นทางการกับ Haval Jolion HEV

    สำหรับ Haval Jolion HEV ที่จำหน่ายในไทย มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยดังนี้

    • รุ่น TECH ราคา 879,000 บาท
    • รุ่น PRO ราคา 939,000 บาท
    • รุ่น ULTRA ราคา 999,000 บาท

    มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ตั้งแต่ สีแดง (Burgundy Red) สีน้ำเงิน (Swarovski Blue) สีเทา (Ayers Gray) สีดำ (Sun Black) และสีขาว (Hamilton White) โดย HAVAL JOLION HEV สเปกไทยนี้เป็นครั้งแรกและที่แรกของโลกที่ได้ใช้ขุมพลัง Hybrid โดดเด่นมีสไตล์ด้วยไฟหน้า Full LED พร้อม Daytime Running Light ดีไซน์ล้ำสมัย ไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลังแบบ LED ด้านหน้าของรถเป็นกระจังหน้า Star Matrix สีดำ-เทา ที่โดดเด่นด้วยโลโก้ HAVAL ตรงกลาง พร้อมดีไซน์อันล้ำสมัยด้วย สปอยเลอร์ท้าย เสาอากาศแบบ shark fin เข้าทรงกับดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์สปอร์ต กระจกมองข้างปรับพับด้วยไฟฟ้า พร้อมออพชั่นเฉพาะรุ่น ตั้งแต่ ราวหลังคาเฉพาะรุ่น PRO กับรุ่น ULTRA ล้ออัลลอย 2 ขนาดตั้งแต่ ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17 เฉพาะรุ่น TECH กับรุ่น PRO และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R18 เฉพาะรุ่น ULTRA กระจกมองข้างพับอัตโนมัติเมื่อล็อกรถและหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค มีเฉพาะรุ่น ULTRA

    ด้วยแพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะ ให้ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ ด้วยมิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,472 มม. ความกว้าง 1,841 มม. ความสูง 1,619 มม. ฐานล้อ 2,700 มม. ระยะห่างล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง 1,577/ 1,597 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 168 มม. และความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร

    ภายในโดดเด่นด้วยการออกแบบกว้างขวาง สะดวกสบายด้วยหน้าจอ Multi Information Display ความละเอียดสูง ขนาด 7 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter พร้อมสีพิเศษแบบ High-gloss ช่วยเติมสีสันให้ห้องโดยสาร มาพร้อมกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพื่ออำนวยความสะดวกในการเปิดประตูและการสตาร์ทเครื่องยนต์ ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เบาะหน้าฝั่งผู้ขับขี่ปรับได้ 6 ทิศทาง และคนนั่ง 4 ทิศทาง เพื่อช่วยจัดท่านั่งให้สบายและอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นวิสัยทัศน์ได้ดีที่สุด ส่วนเบาะที่นั่งโดยสารด้านหลังจะมาพร้อมที่เท้าแขนกลาง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายไปอีกขึ้น และยังสามารถพับลงได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 1,069 ลิตร

    ส่วนออพชั่นรุ่นท็อปสุด ULTRA มีดังนี้ หน้าจอ Head-up Display แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5  ระบบ Wireless Chargerสามารถวางสมาร์ทโฟนเพื่อชาร์จได้อย่างสะดวกสบาย กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติและการตกแต่งทูโทนตัดด้วยลายเส้นสี Rose Gold สีเงิน Silver

    ให้ประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับขับเคลื่อนเต็มสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส GW4G15H 1.5 ลิตร 95 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 125 นิวตันเมตรที่ 4,400-5,200 รอบ/นาที  ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมากสุด 156 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร โดยเมื่อทำงานร่วมกันจะได้พลังมากสุด 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์แบบ DHT ขับเคลื่อนล้อหน้ารองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายเมื่อทํางานร่วมกับเครื่องยนต์ สร้างการขับเคลื่อนอย่างทรงพลังและประหยัดน้ำมัน ระบบขับขี่ทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ 1) มาตรฐาน 2) Sport 3) ECO 4) สภาพถนนลื่น พร้อมช่วงล่าง อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง สำหรับด้านหน้าและด้านหลังแบบทอร์ชั่น บีม พร้อมเหล็กกันโคลง

    พร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Functions) เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัยอีกมากมาย อาทิ การอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) อัพเกรดเฟิร์มแวร์สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดายการสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (voice command) การสั่งการและควบคุมรถผ่าน GWM APP เฉพาะรุ่น PRO กับ รุ่น ULTRA

    ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยที่ให้เฉพาะรุ่น ดังนี้

    – ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS เฉพาะรุ่น PRO กับ รุ่น ULTRA

    – ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เฉพาะรุ่น PRO กับ รุ่น ULTRA

    – ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) เฉพาะรุ่น PRO กับ รุ่น ULTRA

    – ระบบช่วยเตือนสัญญาณไฟจราจร (TSR) เฉพาะรุ่น PRO กับ รุ่น ULTRA

    – ระบบช่วยเตือนเมื่อความเร็วสูงเกินค่ากำหนด เฉพาะรุ่น PRO กับ รุ่น ULTRA

    – ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) เฉพาะรุ่น ULTRA

    – สัญญาณกะระการจอดรถ 6 จุดด้านหน้าและหลังในรุ่น ULTRA และ 3 จุดด้านหลังในรุ่น TECH กับ รุ่น PRO

    ในรุ่นท็อป ULTRA ให้ออพชั่นความปลอดภัยมากกว่าทั้งระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ระบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (LSEB) ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง (RCW) ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA และ RCTB) ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ทำงานร่วมกับ Lane Center Keeping ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) เพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวเฉียง และจอดเทียบข้าง และ กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา

    ระบบความปลอดภัยพื้นฐานให้ทุกรุ่นมีดังนี้ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) มาพร้อมระบบการตรวจจับรถยนต์, ผู้ขับขี่จักรยาน และคนเดินถนน ทั้งทางตรงและทางแยก ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) กล้องมองภาพด้านหลังในรุ่น PRO และ Cruise Control ในรุ่น TECH HAVAL JOLION HEV ประกอบไทยที่โรงงานจังหวัดระยอง พร้อมสัมผัสตัวจริงได้ที่งาน Motor Expo 2021

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts