ในบรรดารถลักชัวรี่ในร่างรถเอสยูวี ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Range Rover คือรถเอสยูวีที่ยกระดับความหรู ล้ำหน้าในด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และความประณีตจนไม่มีใครสามารถเทียบรัศมีความเกรียงไกรได้
ถึงแม้จะทำตลาดมาเกือบครึ่งศวตรรษก็ตามแต่วันนี้ Range Rover เจเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในรอบ 10 ปี หลังจากห่างหายการเปิดตัวมาครั้งนี้ยังคงเอกลักษณ์ความคลาสสิกไว้เช่นเดิมเพียงปรับรายละเอียดให้เข้ากับยุคสมัย ตั้งแต่ไฟหน้า LED คุณภาพสูง แบบ Matrix-Laser กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์พพร้อมปักชื่อ Range Rover ขอบฝากระโปรงหน้า ไฟท้าย LED แนวยาวรูป U คว่ำสีดำ พร้อมฝาท้ายที่เปิดได้ 2 บาน พร้อมล้ออัลลอยขนาดใหญ่สุด 23 นิ้ว ที่เปิดประตูซ่อนรูปกลมกลืนกับตัวถัง เส้นตัว U ประดับไว้ที่ประตูคู่หน้า สร้างจุดเด่นขึ้นมาทันที โดยมีให้เลือกทั้งแบบฐานล้อสั้น และ ฐานล้อยาว สร้างจากแพลตฟอร์ม MLA-Flex architecture
ภายในสามารถเลือกได้แบบ 3 ตอน 7 ที่นั่ง หรือ 2 ตอน 5 ที่นั่ง และหรูสุด 4 ที่นั่งแบบ VIP พร้อมมาตรวัดดิจิทัล 13.7 นิ้ว หน้าจอสัมผัสพร้อมระบบความบันเทิงชันยอดให้มาแบบจุใจถึง 13.1 นิ้ว รวมถึงด้านหลังมีจอฝังไว้ที่หลังเบาะคู่หน้า 11.4 นิ้วให้เลือก พร้อมเครื่องเสียงจาก Meridian รวมถึง ชุดลายไม้ ชุดเบาะหนังแท้ที่สามารถเลือกได้ตามใจชอบ พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้านดีไซน์คล้ายกับ Range Rover เจนแรกยุค 70 และ Head-Up Display จอแสดงผลบนกระจกบังลมหน้า
ขุมพลังที่จำหน่ายในช่วงแรกมีทั้งเครื่องสันดาปล้วนๆ เครื่อง Mild Hybrid กับแบตเตอรี่ขนาดเล็กมากๆ จนไปถึงเครื่องพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เสียบปลั๊กแบบ Plug In Hybrid ก็มีด้วย ตั้งแต่ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 3.0 ลิตร 6 สูบแถวเรียง ยกมาจาก Land Rover Defender เจนใหม่ 395 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 550 นิวตันเมตรที่ 2,000-5,000 รอบ/นาที พร้อมระบบ Mild Hybrid เสริมในเรื่องความประหยัด ประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับและแบตเตอรี่แบบ lithium-ion battery ในรุ่น P400 ส่วนรุ่น P530 เป็นการหยิบยืมเครื่องยนต์จากซี้เก่าแดนนาซีอย่าง BMW มา ด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ 4.4 ลิตร V8 523 แรงม้า แรงบิด 722 นิวตันเมตร ด้านเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบก็มีเช่นกันกับขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบ 296 แรงม้าในรุ่น D300 และ 345 แรงม้า แรงบิด 649 นิวตันเมตร ในรุ่น D350
ส่วนรุ่น PHEV มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร 395 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 142 แรงม้า กับแบตเตอรี่ความจุ 38.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุด 434 แรงม้าในรุ่น P440e และ 503 แรงม้าในรุ่น P510e โดยทาง Land Rover เคลมว่าสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 100 กม.เลยทีเดียว
ทุกขนาดเครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD แบบ Terrain Response 2 ที่มีโหมดออฟโรดถึง 6 โหมด เลือกได้ตามเส้นทางที่แตกต่าง ตั้งแต่ โหมดการขับขี่ทางเรียบไฮเวย์ Normal Driving, โหมดลุยน้ำ WADE, โหมดลุยในทางโขดหิน Rock Crawl, โหมดลุยทางโคลนและแอ่งโคลน MUD And Ruts, โหมดลุยทางพื้นหญ้า-กรวด-หิมะ Grass- Gravel- Snow และโหมดลุยพื้นทราย Sand และ ล็อกเฟืองท้าย Differential Controls รวมถึงล้อหลังเลี้ยวได้เพียง 7 องศา หรือ rear-wheel steering system พร้อมช่วงล่างถุงลมพร้อม Air springs
Range Rover เจนใหม่มีหลายระดับความหรูตั้งแต่รุ่น SE, Autobiography First Edition และรุ่นแรง Range Rover SV จากแผนกรถแต่ง Land Rover’s Special Vehicle Operations โดยขายจริงปีหน้าและเมืองไทยมีแนวโน้มที่จะนำเข้ามาขายด้วย
ที่มา Carscoops
