นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2017 สำหรับ BMW 6 Series Gran Turismo รหัส G32 เก๋งฟาส์ทแบ็กที่มาสานต่อความสำเร็จตั้งแต่ BMW 5 Series Gran Turismo
ภายใต้พื้นฐานของ BMW 5 Series รหัส G30 ตลอดการจำหน่ายที่ผ่านมาจะประสบความสำเร็จในบางประเทศแต่บางประเทศกลับแป๊กไม่เป็นท่าอย่างเช่นกลุ่มประเทศยุโรปบางประเทศกลายเป็นรถรับส่งสนามบินและโรงแรมรวมถึงยอดขายที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นเยอรมนีทำยอดขายปีที่แล้วได้เพียง 509 คัน และครึ่งปีแรกของปี 2023 ยอดขายดิ่งไปอีก 237 คัน
ทำให้ตัดสินใจยุติการผลิต BMW 6 Series Gran Turismo รหัส G32 โดยทาง BMW ได้แจ้งข่าวร้ายให้กับสาวกบีมเมอร์ทั่วโลกได้รับทราบทั่วกันว่าเตรียมยุติการผลิตแล้วที่โรงงานในเมือง ดิงโกลฟิง ทางตอนใต้ของแคว้นบาวาเรีย เยอรมนี เป็นโรงงานที่เก่าแก่กว่า 50 ปี จากการให้ข้อมูลของ Liana Drews พีอาร์ของค่าย BMW โดยจะผลิตถึงในช่วงปลายปีนี้หรือฤดูใบไม้ร่วง เพื่อหลีกทางให้ BMW 5 Series เจเนอเรชันที่ 8 รหัส G60 ปรับไลน์ผลิตประกอบอย่างเต็มรูปแบบ
เมื่อความโดดเด่นของดีไซน์และความสบายกว้างขวางของ BMW 6 Series Gran Turismo รหัส G32 อาจสู้ไม่ได้เมื่อเทียบกับเจเนอเรชันที่ 8 ของ BMW 5 Series ตัวรถใหญ่ขึ้นกว่าเดิมทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องทำตลาดอีกต่อไปเพราะอาจเกิดปัญหาทับซ้อนก็เป็นได้
ส่วนอนาคตไม่มีวี่แววเลยว่าจะมีทายาทมาสืบสกุลแต่สาวกบีมเมอร์ทั่วโลกยังสนใจก็ยังพอมีจำหน่ายอยู่แต่ต้องรีบหน่อย สำหรับเมืองไทย BMW 6 Series Gran Turismo รหัส G32 หรูสปอร์ตในร่างเก๋ง Fastback 5 ประตูแบบไร้กรอบลหล่อด้วย
- กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์
- ไฟหน้าใหม่แบบ Adaptive LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่พร้อมระบบส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง พร้อมไฟ DRL แบบ LED รูปตัว L ฝังในโคมไฟหน้า
- กันชนหน้าสปอร์ตออกแบบใหม่รับกับช่องดักอากาศเพิ่มความโดดเด่นให้แก่ด้านหน้าของรถ
- ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/40 R20 สำหรับล้อหน้า และ 275/35 R20 สำหรับล้อหลัง
- ประตูที่มาพร้อมกับหน้าต่างแบบไร้กรอบและแนวขอบหน้าต่างที่ลากยาวไปจนถึงท้ายตัวรถ
- หลังคารถลาดเทลงมาบรรจบกับส่วนท้ายรถในสไตล์โฉบเฉี่ยวแบบรถยนต์คูเป้
- ด้านท้ายยังคงเดิมด้วยไฟท้าย LED
ภายในปรับตาม BMW 5 Series รหัส G30 ดังนี้
- ปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะพร้อมระบบสัมผัส BMW’s iDrive 7 infotainment system
- จอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้วใหม่ รองรับ Apple CarPlayและ Android Auto
- รองรับการควบคุมผ่านทาง iDrive Controller สั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทางหรือสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง
- มาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว
- เบาะนั่งหนังแท้ Nappa
- จอเหนือแผงคอนโซลหน้า head-up display
- หรูหราด้วยไฟ ambient light
- เครื่องเสียงคุณภาพจาก Bowers & Wilkins Diamond Surround มากถึง 16 จุด
- เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 4 โซน
แรงด้วยพลัง Twin Power Turbo เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส B48B20B ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550-4,400 รอบ/นาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Sport Steptronic จาก ZF 8HP50Z ขับเคลื่อนล้อหลัง เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งสู่ 100 กม./ชม.ได้ภายใน 6.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็วแบบ Servotronic เพลิดเพลินในการขับขี่ และช่วงล่าง Adaptive M พร้อมความปลอดภัยทั้ง
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop&Go (Active cruise control with Stop & Go function)
- ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant)
- ช่วยนํารถเข้าที่จอดอัตโนมัติ(Parking Assistant)
- ฟังก์ชันจอดรถโดยปราศจากผู้ขับขี่ด้วยกุญแจรีโมท
- ควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC)
- เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
- กล้องมองหลัง
จำหน่ายในรุ่น 630i GT M Sport นำเข้าจากมาเลเซียจำหน่ายในราคา 4,239,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม.) มีสีตัวถังรถมาให้เลือกถึง 3 สีคือ
- สีเทา Bernina Grey
- สีดำ Carbon Black
- สีขาว Mineral White
ที่มา Motor 1