More

    Ford Ranger Raptor กระบะขาโหดแรงตั้งแต่เกิดกับสีตัวรถสุดเจ็บ

    หลังจากเปิดตัวให้สาวกได้ยลโฉม Ford Ranger Raptor เจนใหม่ ที่สุดกระบะฮาร์ดคอร์ที่ Ford ตั้งใจสร้างเพื่อตอบโจทย์การลุยทุกรูปแบบ

    Ford

    ล่าสุดเว็บ Carexpert เผยตัวอย่างสีรถภายนอกใหม่มาให้ชมกันโดยสำหรับสีจะต่างกันแต่ละประเทศทั้งหมด 8 สี ตั้งแต่ สีดำ Absolute Black สีขาว Arctic White สีบอรนซ์เงิน Aluminium Metallic สีเทา Meteor Grey สีเทาเข้มConquer Grey สีส้มเข้ม Sedona Orange สีน้ำเงิน Blue Lightning และสีส้มอ่อน Code Orange

    Ford

    สำหรับเจนใหม่กระบะขาโหดดุดันสมกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น ทั้งซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มความกว้างของรถ ไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบ Matrix LEDพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime running lights แบบ LED เพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างขึ้นอีกระดับ อันเป็นดีเอ็นเอของรถกระบะฟอร์ด ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่บนกระจังหน้ากันชนที่เป็นอิสระ โดดเด่นด้วยไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสงปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติเพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Performance All-Terrain BFGoodrich K02 High T285/70 R17 เท่และดุดันภายใต้ซุ้มล้อสีเทาเข้มที่สะดุดตา ช่องลมข้างบังโคลนสีเทาเข้มมีประโยชน์ด้านอากาศพลศาสตร์นอกจากความสวยงาม บันไดข้างดีไซน์ใหม่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง ด้านหลังใช้ไฟท้าย LED กันชนหลังสีเทาเข้มมีบันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย และชุดลากในตัวที่ติดตั้งในตำแหน่งสูงเพื่อเพิ่มมุมจาก และกล้องรอบคัน 360 องศา

    Ford

    ตัวรถใหญ่ชึ้นด้วยความยาว 5,360 มม. ความกว้าง 2,028 มม. ความสูง 1,926 มม. ฐานล้อ 3,270 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 272 มม. ความสามารถในการลากจูง 2,500 กก. และความสามารถในการลุยน้ำ 850 มม.

    Ford

    ภายในดุดันด้วยห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ตทั้งเบาะหน้าและหลัง มอบทั้งความสบายและกระชับแม้รถวิ่งด้วยความเร็วบนทางโค้งตกแต่งด้วยโทนสีส้ม Code Orange บนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต โดดเด่นยิ่งขึ้นอีกเมื่อเปิดไฟส่องสว่างสีอำพันอบอุ่นภายในห้องโดยสาร เสริมความหรูหราอีกขั้นด้วยพวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียมจับกระชับมือพร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัยหรือ On-centre mark กับแป้น Paddle Shift เคลือบแมกนีเซียม ระบบไฟฟ้าแบบดิจิทัลทั้งหมด ด้วยมาตรวัดดิจิทัลความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว จอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อและระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A®  รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen® 8 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับระหว่างการผจญภัยครั้งใหม่ และระบบ Ford Pass แท่นชาร์จไร้สาย

    Ford

    สุดยอดสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ มอบพละกำลังถึง 397 แรงม้า ที่ 5,650 รอบต่อนาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที พัฒนาใหม่โดยใช้เสื้อสูบกราไฟต์ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไปจะมีความแข็งแรงมากและทนทานกว่าถึง 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองกับการเร่งความเร็วได้อย่างฉับไว พร้อมระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) เป็นส่วนหนึ่งของโหมด BAJA ใน จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีกถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง รถจึงคืนความเร็วได้ทันใจขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ YN2Q 2.0 ลิตร 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2000 รอบ/นาที โดยจะวางจำหน่ายในปี 2023 ทั้งสองขนาดมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และด้วยระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าพร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ถึง 4 โหมด ผู้ขับขี่จึงปรับระดับความดังเสียงท่อไอเสีย ให้มีความนุ่มนวลไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ได้ตามต้องการ โดย ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับความดังของท่อไอเสียได้เพียงกดปุ่มบนพวงมาลัย หรือเลือกโหมดการขับขี่ดังต่อไปนี้ โหมดเงียบ Quiet โหมดปกติ Normal โหมดสปอร์ต Sport และ โหมดบาฮา Baja

    Ford

    ตะลุยออฟโรดได้ดียิ่งกว่าเดิม ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ด้วยเกียร์ทรานสเฟอร์ควบคุมไฟฟ้าใหม่ล่าสุดที่ปรับได้ตามต้องการ และระบบดิฟล็อก 4 ล้อครั้งแรกพร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิวด้วยโหมดการขับขี่ 7 โหมด โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials ครั้งแรก นับเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์คอออฟโรดตัวจริง โดยโหมดการขับขี่ 7 โหมดดังนี้ โหมดการขับขี่ทางเรียบ On Road มีทั้ง โหมดปกติ Normal โหมดสปอร์ต Sport โหมดทางลื่น Slippery โหมดการขับขี่ออฟโรด Off Road มีทั้ง โหมดหิน Rock Crawl โหมดทราย Sand โหมดโคลน Mud/Ruts โหมดบาฮา Baja มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control™) ทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับการขับขี่ออฟโรด ผู้ขับขี่สามารถเลือกความเร็วไม่เกิน 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะควบคุมการเร่งความเร็วและการเบรก ผู้ขับขี่เพียงจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัยเพื่อฝ่าเส้นทางสุดท้าทายได้ง่ายขึ้น

    FordFordแชสซีอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมตะลุยเส้นทางออฟโรดสุดแสนหฤโหดช่วงล่างของรุ่นนี้จึงได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยปีกนกบนและล่างใหม่ที่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา ระบบกันสั่นสะเทือนที่มีระยะยืดยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลังที่พัฒนามาเพื่อให้เจ้าของรถขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระได้อย่างมั่นใจและใช้ประโยชน์สูงสุดจากโช้คแบบ Live Valve  Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ของ FOX ระบบช่วงล่างของรถปรับได้แบบเรียลไทม์เพื่อประสบการณ์การขับขี่ทางเรียบที่เหนือระดับ ในขณะที่ยังสามารถซับแรงกระแทกจากพื้นผิวขรุขระและทางลูกรังในการขับขี่แบบออฟโรดได้อย่างง่ายดาย ช่วยเรื่องการทรงตัวและการควบคุมรถให้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถและยังเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon™ ที่ลดการเสียดสีลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และระบบป้องกันการหดตัวค้าง (Bottom-Out Control) ของ FOX ช่วยสร้างแรงหน่วงสูงสุดในระยะ 25 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายของการหดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้โช้คค้างและยังช่วยชะลอการหดตัวของโช้คหลัง เพื่อไม่ให้รถกระแทกแรงเกินไป

    Ford Ford

    สมรรถนะในการฟันฝ่าเส้นทางที่ท้าทายจากการติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติที่ใช้กับฟอร์ด เรนเจอร์ อีกทั้งยังทำขึ้นจากเหล็กเหล็กที่มีความแข็งแรงหนา 2.3 มิลลิเมตร เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์และชุดเกียร์จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ อาทิ หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟืองได้ดีเยี่ยม ตะขอลากจูงคู่หน้าและหลังทำให้รถพร้อมลุยในเส้นทางออฟโรดทุกสถานการณ์ ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสมดุลด้วยการใช้สายลากจูงสองเส้นเพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึกหรือหล่มโคลนได้

    สำหรับสเปคไทยจากข้อมูลของเว็บ Ford.co.th มีจำหน่ายแค่สี่สีทั้ง สีดำ Absolute Black สีขาว Arctic White สีเทาเข้มConquer Grey และสีส้มอ่อน Code Orange สำหรับการเปิดตัวและขายในไทยจะเกิดขี้นช่วงปลายปีนี้

    ที่มา Carexpert และ Ford

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts