เป็นที่ทราบแล้วว่าทาง Honda กลับมาขายเอ็มพีวีทรงสปอร์ต Honda Odyssey อีกครั้งหลังจากยุติการขายที่ญี่ปุ่นชั่วคราวเมื่อช่วงสิ้นปี 2021
และการกลับมาครั้งนี้ทางญี่ปุ่นเลือกโรงงานของกลุ่ม Guangqi Honda Automobile ประเทศจีนเป็นฐานการผลิตและส่งออกมายังญี่ปุ่นที่เมือง Zengcheng นับเป็นรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ที่ประกอบนอกประเทศญี่ปุ่นและส่งกลับมาขายที่ดินแดนบ้านเกิดแบบเดียวที่เคยยกให้ไทยเป็นฐานการส่งออกรถปิกอัพมายาวนานกว่า 2 ทศวรรษถึงหน้าตา Honda Odyssey จะอยู่มานาน 10 ปี จนเรียกว่าเป็นรุ่นแซยิดเลยก็ว่าได้ท่ามกลางรถบางรุ่นของ Honda เกิดอาการเดี๋ยวยุบไลน์ เดี๋ยวกลับมาขายอีก กลับมาแล้วยุบอีกรอบ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าชาวญี่ปุ่นเสียเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง
การกลับมาครั้งนี้เปิดตัวในรุ่นปรับปรุงใหม่ MY2023 ในร่างเดิมหน้าเดิมเจเนอเรชันที่ 5 ที่ปรับโฉมไปเมื่อสามปีก่อน ปรับหน้าตาให้ดูสปอร์ตขึ้นแบบ Black Edition พร้อมตัวรถมีขนาดกว้าง 1,820 มม. ความยาว 4,855 มม.ความสูง 1,695 มม. ฐานล้อ 2,900 มม. น้ำหนักรถ 1,880 กก.และออปชันภายนอกตั้งแต่
- กระจังหน้าแนวนอน 5 ชั้นแบบโครเมียมสีดำ
- ไฟหน้าทรงใหญ่กว่าเดิมแบบ LED
- ไฟตัดหมอกหน้า LED
- ไฟเลี้ยววิ่ง LED แบบ sequential turn lamp
- กระจกมองข้างทรงสปูนสีดำ
- ประตูท้ายออกแบบหรู
- ไฟท้าย LED ทรงใหม่สีรมดำ
- ประตูข้างสไลด์และประตูท้ายสามารถเปิด-ปิดฝาท้ายด้วยระบบ Hand Free
- ล้ออัลลอยสีดำ 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17 และ 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18
- ตัวอักษร Odyssey กับ e:HEV สีดำ พร้อมคิ้วกรอบป้ายทะเบียนท้ายรมดำ
ภายในเน้นความหรูหราผสมกับความสปอร์ตโดยโทนภายในสีดำเข้มพร้อมออปชันมากมายทั้ง
- คอนโซลด้านหน้าเพิ่มความเข้มด้วยโทนสีดำ
- มาตรวัดความเร็วพร้อมจอ MID ขนาดใหญ่ 7 นิ้ว
- หน้าจอเพื่อความบันเทิงแบบสัมผัส (Touch Screen) ขนาด 11.4 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงยังรองรับการเชื่อมต่อจาก Apple Car Play และ Android Auto
- ระบบเปิดประตูท้ายแบบเตะใต้รถได้ เปิด-ปิดประตูด้านข้างโดยใช้การโบกมือ
- ไฟ LED Ambient Light บริเวณเบาะโดยสารแถวกลาง
- มาแบบ 3 ตอน 7 ที่นั่ง เน้นความสบายส่วนเบาะแถวที่สาม ถอดเบาะออกและปรับระดับมาทางด้านหน้า เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากขึ้น
- เบาะนั่งตอนที่สองปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางพร้อมที่วางแขนทั้งสองอุ่นเบาะและยังสามารถพับได้
- ที่ชาร์จไร้สาย
- คันเกียร์แบบ Shift by Wire
- ช่องเสียบ USB charger ทั้งแบบ Type A 2 จุดหลังคอนโซลกลาง และ Type-C 2 จุดที่เบาะนั่งตอนที่สอง
- Honda Connect
ขุมพลังมีแค่เบนซิน I-VTEC e:HEV กับ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว i-MMD ที่มีขนาดเล็กและเบา ขนาด 2.0 ลิตร LFA-H4 บวกกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่อยู่ใต้พื้นของที่นั่งด้านหน้า ให้กำลัง 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์ คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า H4 ให้กำลังถึง 135 แรงม้า แรงบิด 175 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ามากถึง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนระบบเกียร์ E-CVT (Electrically-controlled Continuously Variable Transmission) พร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ “Honda Sensing” แบบเต็มระบบไม่ว่าจะเป็น
- ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรกแบบในระยะสั้นแบบใหม่ (new short Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- เปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam : AHB)
- ระงับการเร่งความเร็วกะทันหัน (Sudden acceleration suppression function)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- แจ้งเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor)
Honda Odyssey เตรียมขายญี่ปุ่นอีกครั้งช่วงฤดูหนาวหรือเดือนธันวาคมและเตรียมเปิดรับจองตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ในรุ่น e:HEV ABSOLUTE/EX BLACK EDITION
ที่มา Carwatch
ที่มาภาพ Takeshi Yasuda