More

    พาเหรดรถใหม่….จ่อเข้าไทยตลอดปี 2023

    ตลาดรถยนต์เมืองไทยช่วงปีที่ผ่านมาสดใดขึ้นมากถึงแม้จะเจอมรสุมหลายลูกถาโถมเข้าใส่ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ

    ไม่ว่าจะเป็น COVID-19 ที่ทุเลาลงสามารถเปิดประเทศได้ ชิ้นส่วนเซมิคอนดั๊กเตอร์และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขาดแคลน จากประเทศจีนที่ล็อกดาวน์ครั้งใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายน สงครามรัสเซีย-ยูเครน การเลือกตั้งปัญหาเงินเฟ้อ ราคาพืชผลการเกษตร ฯลฯ แต่ก็ไม่ทำให้ตลาดรถยนต์เมืองไทยสะเทือน ตัวเลขยอดขายรถยนต์ปี 2022 ในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมาทำได้ 766,589 คัน เติบโตจาก 11 เดือนของปีที่แล้วถึง 14.7% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 240,371 คัน เพิ่มขึ้น 9.3% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 526,218 คัน เพิ่มขึ้น 17.4% รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ มีจำนวน 411,553 คัน เพิ่มขึ้น 17.4% (รวมรถยนต์พีพีวี 58,746 คัน เพิ่มขึ้น 28.4%) เรียกว่า 11 โตขึ้นยกแผง

    แต่เดือนธันวาคม 2022 ยังเหลืออีก 113,411 คัน ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 50,129 คัน และ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 63,282 คัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวปีที่แล้ว จับตาแล้วว่าตลอดปี 2022 จะสามารถทำยอดได้อยู่ที่ 880,000 คัน เพิ่มขึ้น 16% (รถยนต์นั่ง 290,500 คัน เพิ่มขึ้น 15% และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 589,500 คัน เพิ่มขึ้น 16%) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาได้สำเร็จหรือไม่ต้องตามกัน

    สำหรับปี 2023 หรือปีกระต่ายนี้นับเป็นที่ท้าทายอีกครั้ง กับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง แต่ค่ายรถยนต์สวมบทเสี่ยสั่งลุยจ่อส่งรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบทังรถยนต์สันดาป รถยนต์ลูกผสม และรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอีกหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายรุ่งโรจน์ เพื่อตอบทุกความต้องการทาง Car2Day จึงรวบรวมและคาดการณ์กับรถยนต์ที่จะเปิดตัวในปี 2023 เริ่มด้วย

    BMW : BMW X1-iX1, BMW 7 Series Diesel, BMW X7 LCI, BMW i3 Sedan

    BMW

    ต้อนรับปีกระต่ายกับค่ายรถยนต์หรูจากเมืองมิวนิก ปีนี้เตรียมขนรถใหม่เข้าไทยอย่างต่อเนื่องเรื่มที่ เอสยูวีน้องเล็กอย่าง BMW X1 เจเนอเรชันที่ 3 นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้ง ใหญ่ในรอบ 7 ปี กับรหัส U11 และมาพ่วงด้วย BMW iX1 เอสยูวีไฟฟ้าหรูตั้งแต่กระจังหน้าไตคู่ไซส์มหึมารับกับกันชนหน้าทรงเท่สไตล์ X คิ้วตัวแอลตกแต่งฝั่งซ้าย-ขวาของชุดกันชนหน้า ไฟหน้าแบบ Adaptive LED แถมมี Matrix LED เป็นออปชั่นเสริม ที่เปิดประตูดีไซน์แบบซ่อนรูปตัวถังจากเดิมแบบดึงก้าน และไฟท้าย LED รูปตัว L กับกันชนหลังดีไซน์มาดดุ พร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานถึง 0.26 เสา C กับ D ออกแบบให้หลังคาคล้ายกับรุ่นพี่ BMW X3

    ภายในคล้ายกับเพื่อนร่วมค่าย BMW 2 Series Active Tourer การตกแต่งที่หรูด้วยเบาะหนัง หนังสัมผัสแบบใหม่ ลายไม้ คอนโซลหน้าแบบ Hyperscreen ที่มีจอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display ที่รวมทั้งจอมาตรวัดดิจิทัล 10.25 นิ้ว และจอสัมผัส 10.7 นิ้ว อยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบลอยตัว พร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ BMW Operating System 8 หรือ iDrive 8 สื่อสารฉับไวแบบ 5G ลำโพงคุณภาพจาก Harman Kardon 12 จุด มีจอเหนือแผงคอนโซลหน้า head-up display เกียร์อัตโนมัติดีไซน์ใหม่แบบปุ่มบิดแทนคันเกียร์

    BMW

    กับขุมพลังหลากหลายและยกมาจากเจนเนอเรชันที่แล้ว F48 ทั้งเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 1.5 ลิตร รหัส B38A15A 140 แรงม้า ที่ 4,600-6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 1,480-4,200 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์ Steptronic อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 สปีด ในรุ่น sDrive 18i ขับเคลื่อนล้อหน้า และดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร รหัส B47C20A  190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ Steptronic อัตโนมัติ 8 สปีด ในรุ่น sDrive20d ขับเคลื่อนล้อหน้า

    หรืออาจเสริมขุมพลังเสียบปลั๊ก Plug In Hybrid ในรุ่น xDrive25e นำพื้นฐานเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร  140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 109 แรงม้า แรงบิด 247 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 245 แรงม้า แรงบิด 477 นิวตันเมตร 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.ความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า 140 กม./ชม. วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 78-89 กม. มาตรฐาน WLTP ขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive

    BMW

    BMW iX 1 ติดตั้งขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบ eDrive technology เจนที่ 5 ด้วยความจุแบตเตอรี่ 64.7 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ให้กำลังมากสุด 313 แรงม้าที่ 4,300-15,200 รอบ/นาที แรงบิด 494 นิวตันเมตรที่ 0-4,300 รอบ/นาที วิ่งไกลสุด 413-438 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP ให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 5.43-5.78 กม./kWh อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

    การชาร์จช้า AC รองรับการชาร์จสูงสุด 11kW 0-100% ได้ 6.30ชม. และสามารถเลือกชาร์จสูงอีก 22 kW 0-100% ได้ 3.45 ชม. ด้านชาร์จเร็ว DC สูงสุด 130 kW ถ้าชาร์จ 10 นาที เพิ่มระยะทางการวิ่งไกลอีก 120 กม. และชาร์จเร็วนี้จาก 10-80% ทำได้ 29 นาทีในรุ่น iX1 xDrive30 ขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive

    BMWส่วน BMW 7 Series หลังจากเปิดตัวรุ่น 750e xDrive M Sport​ กับพลังเสียบปลั๊ก 6 สูบ 489 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 85 กม./ชาร์จหนึ่งครั้งแล้ว อาจเสริมด้วยรุ่นเครื่องดีเซลล้วน 6 สูบ Mild Hybrid 3.0 ลิตร รหัส B57D30B 286 แรงม้าที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 250 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.3 วินาที ในรุ่น 730d

    หรืออาจเป็นขุมพลังยกมาจาก BMW X7 xDrive 40d กับ ดีเซลเทอร์โบคู่ 6 สูบ 3.0 ลิตร รหัส B57D30T2 340 แรงม้าที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,250 รอบต่อนาที ในรุ่น 740d ก็เป็นได้ โดยทั้งสองขนาดมาพร้อมพลัง MHEV ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟขนาด 48 โวลต์ ช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นอีกถึง 18 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร และจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง

    BMW

    ในส่วนของรุ่นปรับโฉมหรือ LCI คงได้เห็นทั้ง BMW X7 ที่ปรับหน้าตาใหม่ครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี งานนี้ถูกใจสาวกเป็นแน่แท้ เพราะหล่อออกไปในแนวนตี๋ๆตาตี่ พร้อมภายในออกแบบใหม่หมดดีไซน์จอลอยตัวขนาดใหญ่ที่รวมเอาจอมาตรวัดและจอสัมผัสอยู่ในชุดเดียวกัน โดยมาตรวัดดิจิทัลมาขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วและจอสัมผัส 14.9 นิ้ว โดยจอชุดนี้เรียกว่า BMW Curved Display พร้อมระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 หรือ iDrive 8 ควบคุม

    รองรับการทำงานการเชื่อมต่อที่ง่ายและรวดเร็วขึ้น ช่องแอร์ใหม่ดีไซน์เรียวขึ้นในส่วนคอนโซลกลาง รวมถึงปุ่มการใช้งานที่ลดจำนวนลงเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น ชุดคอนโซลเกียร์งานนี้จะไม่เห็นคันเกียร์อีกต่อไป จะเป็นแบบปุ่มบิดไปมา ดีไซน์คริสตัล กับขุมพลังเดิมดีเซลเทอร์โบคู่ 6 สูบ 3.0 ลิตร รหัส B57D30T2 ส่งพละกำลังสูงสุด 340 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตรในรุ่น X7 xDrive 40d เข้ามาเสริมทัพ

    BMW

    และจับตาว่า BMW i3 Sedan ซีดานไฟฟ้าพื้นฐาน 3 Series LCI กับ Gen5 eDrive 285 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร กับความจุแบตเตอรี่ 70.3 kWh สามารถวิ่งไกลสุด 526 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.2 วินาที สามารถรองรับไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 95 kW โดยการชาร์จเร็วใช้เวลา 35 นาที ชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนชาร์จช้า รองรับไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW 6 ชั่วโมง จะเข้ามาหรือไม่นั้นติดตามกัน

    BYD : BYD Dolphin

    ฺBYD

    แน่นนอนว่าคันนี้เป็นรุ่นที่สองต่อจาก BYD ATTO 3 เข้ามาเสริมทัพภายในปีนี้กับเวอร์ชันพวงมาลัยขวาในร่าง B-Car ทรงท้ายตัด 5 ประตู สร้างจากแพลตฟอร์ม BYD e-platform 3.0  พร้อมภายในที่กว้างสบายแบบ 5 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ permanent magnet synchronous motor ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นที่มีพลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ขนาด 30.7 kWh แบบ BYD Blade Battery(LFP) วิ่งไกลสุด 301 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า

    ส่วนอีกรุ่นเพิ่มความจุแบตเป็น 44.9 kWh พลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 405 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้าและรุ่นท็อปสุดความจุแบตเท่ากัน (44.9 kWh) แต่ให้พลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากสุด 177 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 401 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) อัตราเร่ง 0-50 กม. ทำได้ 3 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า

    BYD

    ทั้งสามรุ่นสามารถชาร์จได้ทั้งขาร์จช้า AC AC charging (on-board) รองรับสูงสุด7 kW ส่วนชาร์จเร็ว DC fast charging ใช้เวลา 30 นาที ในการชาร์จจาก 30-80% รองรับสูงสุด 60 kW แต่รุ่นเริ่มต้นนั้น รองรับสูงสุด 40 kW แต่ชาร์จเร็วได้ 30 นาทีในการชาร์จจาก 30-80% เบื่องต้น BYD Dolphin พร้อมขายในไทยหวังต่อกรกับ ORA Good Cat

    Ford : Ford Ranger Platinum x Ford Everest V6 x Ford Ranger Raptor Diesel x Ford Mustang New Generation

    Ford Ranger

    การมาของกระบะดุดันไม่เกรงใจใครทั้ง Ford Ranger, Ford Ranger Raptor และ Ford Everest เจเนอเรชันใหม่สร้างปรากฎการณ์ให้ Ford ขายดีขึ้นและปีนี้อาจเสริมทางเลือกด้วย Ford Ranger Platinum กระบะลักชัวรี่ หรูกว่าสง่างามกว่ารุ่น Wildtrak ด้วยตราสัญลักษณ์ Platinum บนขอบฝากระโปรงหน้า พร้อมล้ออัลลอย 20 นิ้ว และภายในที่หรูกว่ารุ่น Wildtrak ตกแต่งด้วยวัสดุที่หรูหรา และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระมากกว่าเดิม

    กับพลังดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร รหัส YN2Q  210 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที ใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 ขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time Shift On The Fly ระบบเฟืองท้ายแบบ Electronic Diff-lock ควบคุมด้วยไฟฟ้า และโหมดการขับขี่ ขับขี่ Terrain Management ให้เลือกถึง 6 โหมดและยังเป็นอีกทางเลือกที่จะประจำการใน Ford Ranger Raptor เจเนอเรชันใหม่กับขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 4WD e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A)

    ทางด้าน Ford Everest ที่ลือๆกันว่าจะมีเครื่อง V6 3 ลิตรเข้ามาด้วยนั้นจับตากันต่อไปว่าปีนี้จะมาไหมด้วยดีเซลเทอร์โบ V6 เทอร์โบเดี่ยวในตระกูล Lion รหัสคาดว่าชื่อ DSL-Lion B 3.0 ลิตร Power Stroke 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 e-Shifter ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case – EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้าพร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System 6 โหมด

    Ford

    ปิดท้ายด้วยการมาของม้าป่าเจเนอเรชันใหม่ กับ Ford Mustang เจนที่ 7 ใหม่หมดแต่ยังรักษาความคลาสสิกไว้เช่นเคยกับพลังเดิม V8 5.0 466 แรงม้า แรงบิด 569 นิวตันเมตร รวมถึงเบนซินเล็ก EcoBoost GTDi ขนาด 2.3 ลิตร  314 แรงม้า แรงบิด 476 นิวตันเมตร ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 SelectShift รุ่นเดียวกันที่ใช้ในกระบะ Ford Ranger เข้ามาทำตลาดด้วยหลังจากปีกลายเปิดตัวรุ่น MY2023 ในร่างเจนที่แล้วขายต่อไป

    GWM : TANK 500 HEV, ORA Grand Cat

    TANKภารกิจเปิดตัวรถใหม่ Mission 9 In 3 หรือ 9 รุ่นใหม่ภายใน 3 ปี ของค่ายรถ GWM มีมาต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัวครบ 5 รุ่นตั้งแต่ HAVAL H6 HEV, HAVAL H6 PHEV, HAVAL Jolion HEV, ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT สำหรับปีนี้จะเปิดตัวอีก 2 รุ่นได้แก่ TANK แบรนด์รถที่ 3 ของค่ายนี้เน้นเอสยูวีจะประเดิมตลาดอาจเป็น TANK 500 HEV เอสยูวีตัวใหญ่พลัง Full Hybrid 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 615 นิวตันเมตร ประกอบไทยเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่ประกอบนอกเมืองจีน

    ORAอีกหนึ่งรุ่นกับเจ้าเหมียวหรู ORA Grand Cat ที่นำเอาความคลาสสิกและความทันสมัยมาผสมผสานกันในร่างเก๋งฟาสท์แบ็ก โดดเด่นทั้งดีไซน์สปอร์ตอันโฉบเฉี่ยวคล้ายกับรถยุโรปชื่อดังทั้ง Porsche Panamera ผสมกับแบรนด์รถ Bentley ย้อนยุคด้วยขุมพลังไฟฟ้าแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้สมรรถนะเหนือระดับเพื่อการขับขี่ที่สนุกสนานสูงสุดถึง 408 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 680 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ 82 kWh  ทำความเร็วระหว่าง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที และวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 550 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ (ตามมาตรฐาน NEDC)

    Honda : Honda CR-V New Generation x Honda Accord New Generation x Honda City Facelift x BEV SUV 

    Hondaค่ายรถยนต์ยอดนิยมของไทยไม่เคยทำให้แฟนๆผิดหวังหลังจากที่เปิดตัวเงียบๆกับ Honda Civic Type R Hothatch เจนใหม่ที่จะประกาศราคาพร้อมขั้นตอนการจองในปีนี้แล้ว ในส่วนรถใหม่ก็มาหมดเริ่มกันที่ Honda CR-V เจเนอเรชันที่ 6 มาพร้อมพลังเบนซิน e:HEV พร้อม Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC รหัส LFA1 145 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที

    Hondaในภาคเครื่องยนต์ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบ/นาที และแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน กำลังรวมสูงสุดเมื่อทำงานร่วมกันได้ 204 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร L15BE 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 240นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ทั้งคู่เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

    Honda รวมถึง เก๋งใหญ่ Honda Accord เจเนอเรชันที่ 11 สวนกระแสตลาด D-Segment ซบเซา ด้วยตัวรถทีใหญ่และสปอร์ตขึ้นมีให้เลือกทั้งเบนซิน Di VTEC TURBO 1.5 ลิตร L15BG 195 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 260 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,000 รอบ/นาที ไดเรคอินเจคชันฉีดตรง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง โหมด ECON และ Normal และ e:HEV 2.0 ลิตร 204 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า E-CVT

    ทางด้าน Honda City ทั้ง Sedan และ Hatchback เตรียมที่จะปรับโฉมอัพเพิ่มออปชันมากขึ้นหลังเสียรังวัดให้กับ Toyota Yaris ATIV และอาจให้เห็น Honda HR-V เวอร์ชันไฟฟ้าล้วนเข้ามาขายก็เป็นได้

    Hyundai : Hyundai Mobility Thailand x Hyundai Stargazer x Hyundai IONIQ 5

    Hyundai

    ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากแดนกิมจิพร้อมแล้วที่จะบุกตลาดไทยกับการบริหารจากเกาหลีโดยตรงในชื่อ Hyundai Mobility Thailand ที่จะเปิดตัวองค์กรในวันที่ 1 เมษายนนี้ มาทั้งรูปแบบนำเข้าจากเกาหลีใต้ นำเข้าจากอินโดนีเซียตามสิทธิ์ AFTA และรุ่นรถที่ตั้งใจประกอบในเมืองไทยด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์สันดาป

    Hyundai

    ขายควบคู่กับ Hyundai Creta และ Hyundai Staria กับ Hyundai Stargazer เอ็มพีวีเล็ก พลังเบนซิน 1.5 ลิตร และ Hyundai IONIQ 5 ที่มาโชว์ตัวไนไทยช่วงงาน Motor Expo 2022 ที่ผ่านมาจะขายช่วงปีนี้พร้อมกับการเปิดรูปแบบการทำตลาดและการบริการ

    ISUZU : ISUZU D-MAX & ISUZU MU-X MY2024

    ISUZUหลังจากเปิดตัวรุ่น MAGIC EYEs กับการเพิ่มระบบความปลอดภัย ADAS มา และรุ่นย่อยกระทะล้อ SE สำหรับ ISUZU D-MAX ปิกอัพยอดนิยมอันดับ 1 ของไทยจนยอดขายฮิตติดตลาด และการปรับหล่อของ ISUZU MU-X MY2023 ไปสำหรับปีนี้จับตาเช่นกันว่า ISUZU จะมีไม้เด็ดอะไรมาต่อกรคู่แข่งหรือจะเป็นรุ่นพิเศษเสริมทางเลือกต้องคอยชม

    KIA : KIA Carnival Import From Malaysia

    หลังจากที่มาเลเซียเปิดตัวบริษัทร่วมทุนประกอบรถผลิตขายในประเทศและส่งไปยังกลุ่มอาเซี่ยน 9 ประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยเมื่อปีกลาย งานนี้ถ้ามีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโรงงานมาเลเซียและความชัดเจนของการส่งออกมายังไทย อาจได้เห็น KIA Carnival นำเข้ามาขายในราคาที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท รวมถึงรุ่นอื่นๆในไลน์ผลิตจากมาเลย์ อย่าง KIA Sorento, Sportage อาจจะเข้ามาเสริมทัพ ด้วยขุมพลังลูกผสม Full Hybrid สันดาปล้วนๆ หรือ เสียบปลั๊ก Plug In Hybrid และการมาไทยของ Hyundai ที่เข้ามาทำตลาดเต็มตัว อาจส่งผลกระทบต่อ KIA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือด้วยหรือไม่ต้องติดตาม

    Land Rover : The All New Range Rover Sport

    range Rover

    ค่ายรถยนต์จากเมืองผู้ดีที่ประเดิมเปิดตัวไปแล้วกับ Range Rover เจนใหม่ การมาแบบเงียบๆของ Land Rover Defender V8 ในราคา 16 ล้านบาท และ Land Rover Defender 130 ไป ปีนี้เสริมทางเลือกกับลูกค้าอัครเศรษฐีหัวใจซิ่งอย่าง The All New Range Rover Sport ที่นำพื้นฐานของพี่ใหญ่ Range Rover เจนใหม่มาปรับตัวถังและตัวตนให้ออกแนวสปอร์ตขึ้นสร้างจากแพลตฟอร์ม MLA-Flex architecture แบบเดียวกับพี่ใหญ่ Range Rover

    สำหรับขุมพลังในไทยอาจใช้ร่วมกับพี่ใหญ่ ด้วย เบนซินเทอร์โบ PHEV-Plug In Hybrid ที่มีมาสองขนาดเริ่มที่รุ่น P440e 3.0 ลิตร 440 แรงม้าที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 620 นิวตันเมตรที่ 1,500-5,000 รอบ/นาที พร้อมความจุแบต 38.2 kWh พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 142 แรงม้า โดยวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 114 กม. ความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า 140 กม./ชม. และ P510e 3.0 ลิตร 510 แรงม้าที่ 5,500-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 1,500-5,000 รอบ/นาที พร้อมความจุแบต 38.2 kWh มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 142 แรงม้า โดยวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 113 กม. ความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า 150 กม./ชม. ทั้งสองรุ่นสามารถชาร์จที่บ้าน Wallbox AC ชาร์จช้า 0-100% ชาร์จได้ 5 ชม. ชาร์จเร็ว DC รองรับสูงสุด 50 kW 0-80% ในเวลา 40 นาที โดยที่ปล่อยก๊าซ CO2 โดยรวมต่ำกว่า 30 กรัมต่อกิโลเมตร

    range

    ดีเซลเทอร์โบ MHEV-Mild Hybrid รุ่น D350 ขนาด 3.0 ลิตร 350 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 700 นิวตันเมตรที่ 1,500-3,000 รอบ/นาทีมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟขนาดเล็ก 48 V รองรับแรงบิดมากถึง 1,400 นิวตันเมตร ช่วยเสริมพละกำลังการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ และแรงกระชากวิญญาณด้วยเบนซินเทอร์โบ P530 4.4 ลิตร V8 530 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 750 นิวตันเมตรที่ 1,800-4,600 รอบ/นาที ที่หยิบยืมมาจากค่าย BMW

    ทุกขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ iAWD ควบคุมโดยระบบ Intelligent Driveline Dynamics (IDD) ของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งทำงานตรวจสอบระดับการยึดเกาะและการสั่งการของผู้ขับขี่ 100 ครั้งต่อวินาที เพื่อคาดการณ์กระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังและกระจายไปทั่ว เพลาหลัง เพื่อแรงยึดเกาะที่ดีที่สุดทั้งบนทางราบเรียบและทางขรุขระ พร้อม Terrain Response 2 ที่มีโหมดออฟโรดถึง 6 โหมด

    Lotus : Lotus Eletre

    Lotus

    หลังจากเปิดตัวรุ่นแรกในไทยอย่าง Lotus Emira  รุ่น First Edition ไปแล้วและเตรียมส่งมอบในปีนี้และได้เปิดรับจอง Lotus Eletre เอสยูวีไฟฟ้าออกแบบที่สปอร์ตหลังคาเพรียวลงสไตล์รถคูเป้ ตัวถังรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียม ใหกำลังมากถึง 600 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 2.95 วินาที ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Dual Motor AWD และความจุแบตเตอรี่ 100 kWh วิ่งไกลสุด 600 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม. โดยการชาร์จไฟด้วยกำลังไฟ 350 KW ในเวลาสั้นๆเพียง 20 นาที สามารถวิ่งไกลสุดได้ 400 กม.

    พร้อมเทคโนโลยีไฟฟ้าแรงดันสูง 800V พร้อมช่วงล่างแบบถุงลมที่สามารถปรับระดับความสูงตัวรถได้อัตโนมัติแถมมีเลี้ยวสี่ล้อ โดยส่งมอบชาวไทยตั้งแต่ปี 2024 จับตาแล้วว่าปีนี้จะมาโชว์ดักคอเรียกน้ำย่อยเศรษฐีเงินหนาทันหรือไม่

    Mazda : Mazda BT-50 i-Activesense

    Mazda

    ค่ายรถยนต์จากเมืองฮิโรชิมากระตุ้นตลาด้วยการส่งรุ่นพิเศษ Carbon Edition ออกจำหน่ายและยังลดโหดกระบะ Mazda BT-50 จนมีผลตอบรับอย่างน่าพอใจและปีนี้มีแนวโน้มว่า Mazda BT-50 อาจเพิ่มระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ตามคู่แฝด ISUZU D-MAX MAGIC EYEs ที่ยกมาทั้งหมด ด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ทำหน้าที่เสมือนดวงตาคู่อัจฉริยะ คอยตรวจจับวัตถุด้านหน้าแบบ Real Time ได้อย่างชัดเจน และแม่นยำกว่าระบบกล้องหน้าเดี่ยว (Mono Camera) พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน ทั้ง ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go, เตือนการชนด้านหน้าอัตโนมัติ FCW Front Forward Collision Warning, หยุดรถอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake), เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System), ช่วยเบรกฉุกเฉินขณะกำลังเลี้ยว TA (Turn Assist), ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam), เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake), ตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)และตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation)

    Mercedes-Benz : Mercedes-Benz GLC New Generation x Mercedes-Maybach S-Class CKD x Mercedes-Benz V-Class

    Mercedes-Benzค่ายรถยนต์ตราดาวจากเมืองสตุ๊ตการ์ท พร้อมแล้วกับการเปิดตัวรุ่นใหม่ต้อนรับปีกระต่ายกับ Mercedes-Benz GLC เปิดตัวเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในรหัส X254 เอสยูวีพื้นฐาน C-Class ตัวรถใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยความยาวมากกว่า 60 มม. ฐานล้อเพิ่ม 15 มม. แต่ความกว้างเท่าเดิมและความสูงลดลง 4 มม. โดยสเปกไทยถ้าเปิดตัวจะมีทั้ง ดีเซลเทอร์โบเป็นขนาด 2.0 ลิตร OM654 M  และให้กำลังมากถึง 200 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที จับคู่กับระบบ Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษพร้อม EQ Boost ให้กำลังถึง 20 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ในรุ่น GLC 220d

    และรุ่นเสียบปลั๊ก GLC 350e กับเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส M254 ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 204 แรงม้าที่ 6,100 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูง 320 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวให้กำลัง 129 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ส่งกำลังบำรุงด้วยแบตเตอรี่ใหม่ขนาด 25.4 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด100 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ทำความเร็วสูงสุดจากการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าได้ถึง 140 กม./ชม. ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า

    Mercedes-Benzในการชาร์จพลังงานไฟฟ้า หากเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) 10-80% รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 55 kW จะใช้เวลาเพียง 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ส่วนการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) จะใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 11 kW ซึ่งด้วยความสะดวกในการเลือกใช้งานได้ทั้งสองระบบ โดยทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย  (Steering – wheel Gearshift Paddles) โดยปีนี้จะเปิดตัวรุ่นประกอบไทยเป็นครั้งแรกตาม C-Class ซีดานหรือไม่ และอีกรุ่นก็คือ Mercedes-Benz V-Class รุ่น V250 d อาจมีการปรับปรุงใหม่อีกครั้ง

    Mercedes-Maybach

    และอีกหนึ่งรุ่นที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยกับการประกอบอัครเก๋งใหญ่กว่า Mercedes-Benz S-Class อย่าง Mercedes-Maybach S-Class รหัส Z223 ที่ประเทศไทย ความสบายด้วยพร้อมเบาะตอนหลังแบบ Rear Seat Comfort Package มอบความสะดวกสบายในการโดยสารสูงสุด ทั้งการเป็นเบาะไฟฟ้าที่สามารถปรับตำแหน่งที่นั่งพร้อมการนวดที่สามารถเลือกโปรแกรมการนวด Calf Massage ได้สูงสุด 6 โปรแกรม พร้อมพลังเสียบปลั๊กแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งจะวางแผนส่งมอบให้กับลูกค้าภายในไตรมาสแรกของปี 2023

    MG : MG EP Facelift

    MG EP

    ค่ายรถยนต์สายพันธุ์ยุโรปพร้อมสู้กับตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก กับ MG EP Facelift ที่ปรับหน้าปรับตาดูยุโรปมากขึ้นปรับโฉมครั้งแรกในรอบสามปี ภายในใหม่หมด กับขุมพลังไฟฟ้า 2 แบบ ตั้งแต่ความจุ 50.3 kWh  163 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลถึง 320 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตฐาน WLTP  และรุ่นแรงสุด มีความจุแบต 61.1 kWh 156 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 400 กม. ตามมาตฐาน WLTP  ทั้งสองรุ่นให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 8.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม.ชาร์จทั้งสองรุ่นนี้ถ้าชาร์จช้ากระแสสลับ AC ประมาณ 11 ชั่วโมง และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 5-80 % ทำได้  40 นาที จ่ายกระแสไฟ V2L (Vehicle to Load) จ่ายพลังงานจากรถสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น

    Mitsubishi : Mitsubishi Triton New Generation x Mitsubishi Xpander Cross Facelift x Mitsubishi XFC Concept

    MitsubishiMitsubishi

    ปีนี้ Mitsubishi Xpander ปรับโฉมครั้งใหญ่เวอร์ชันแต่ง Xpander Cross ไปและมีโอกาสว่าจะเปิดตัวในไทยแต่จะมาช่วงงาน Bangkok Motor Show 2023 หรือไม่อีกรุ่นที่จะทำตลาดในไทยในอนาคตกับเอสยูวีต้นแบบที่เปิดตัวที่เวียดนามไปกับ Mitsubishi XFC Concept ซึ่งจะมาโชว์ดัคอ ก่อนขายจริง

    Mitsubishi

    และไฮไลต์เด็ดหนีไม่พ้นการเปิดตัวกระบะเจเนอเรชันใหม่อย่าง Mitsubishi Triton ที่เมืองไทยเปิดตัวที่แรกของโลกแบบใหม่หมดแถมได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Mitsubishi Outlander  เข้ามาด้วยแชสซีส์ขั้นบันได Body-On-Frame แบบใหม่หมด แต่ที่แน่ๆระยะฐานล้อยาวขึ้นมีผลต่อภายในที่ยาวกว่า

    กับพลังเดิม MIVEC Clean Diesel 2.4 ลิตร 4N15 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที และอาจมีดีเซลเทอร์โบแปรผัน MIVEC 2.2 ลิตร 4N14 150 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที มาแทน 4D56 2.5 ทั้งสองขนาดจับคู่กับเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จะเปิดตัวในช่วงปีงบประมาณ 2022 ของ Mitsubishi Motors (ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2022 ถึง 31 มีนาคม 2023) โดยจะเปิดตัวภายในปีนี้

    NETA : NETA U Pro

    NETA U PROเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่น V ออกแบบทันสมัยสมส่วนและสวยกว่า หน้าตาความหล่อเทียบชั้นรถยุโรป สร้างจากพื้นฐาน Hozon Auto’s EPT2.0 platform ขุมพลังไฟฟ้ามีให้เลือกหลายแบบโดยยังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบเดี่ยว single electric motor กับแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 42-48 kWh โดยให้กำลังถึงสองระดับตั้งแต่ Mid-Power 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 400 กับ 500 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. แล้วยังมีรุ่น High-Power 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 610 กม./การชาร์จหนึ่งครั้ง (NEDC) ความเร็วสูงสุด 155 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า โดยชาร์จช้านั้นจาก 0-100% จะใช้เวลาในการชาร์จ 8.5-13 ชม. แต่ถ้าชาร์จเร็ว 30 จนถึง 80% จะใช้เวลา 30 นาที ขายจริงช่วงปีนี้

    Nissan : Nissan Almera Facelift x Nissan Serena

    Nissanหลังจากที่ Nissan Kicks e-Power ประสบความสำเร็จด้วยราคาที่ถูกลงจนมียอดจองล้นหลามมากขึ้นปีนี้อาจได้เห็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 4 ปี ของ Nissan Almera หล่อเข้มสปอร์ตตั้งแต่ กระจังหน้ารูปตัววี V-Motion ดีไซน์ใหม่เข้มแนวนอน ประกบกับ ไฟหน้า LED พร้อมไฟ LED signature ในโคมเดียวกัน ลงตัวด้วยกันชนหน้าชุดใหม่รับกับกระจังหน้าดีไซน์ที่ใหญ่ขึ้น กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว และ ไฟท้าย LED และกันชนหลังยังคงใช้ดีไซน์เดิม และโลโก้ Nissan รูปแบบใหม่ติดตั้งทั้งกระจังหน้า ฝาท้าย และดุมล้อ

    ขุมพลังคงเดิมกับเบนซินเทอร์โบ 1.0 ลิตร 100 แรงม้า และกำลังศึกษาเพื่อเตรียมบุกตลาด e-Power Eco Car เพื่อเสนอทางเลือกที่ดีให้กับกลุ่มลูกค้าชาวไทย เป็นไปได้สูงว่าเตรียมศึกษาการทำตลาดของ Nissan Almera e-Power อาจมาในไทยแต่จะมาปีนี้หรือไม่นั้นติดตามกัน

    Nissan

    และถ้ามาจริงอาจเป็นการกลับมาอีกครั้งของเอ็มพีวีชื่อดังในยุค 90 กับ Nissan Serena เจเนอเรชันที่ 6 ใหม่หมดทั้งตัวรถและภายในพร้อมขุมพลังเบนซินล้วน เบนซิน 2.0 ลิตร รุ่น MR20DD ตัดระบบ Hybrid ทิ้งไป กำลังสูงถึง 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT และ e-Power HR14Dde 1.4 ลิตร ให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM 57 Synchronous Motor ให้พลังรวมเป็น 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ionในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction

    Peugeot : Peugeot 4008

    Peugeot นอกจากจะมี Peugeot 2008, 3008 และ 5008 ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนๆชาวสิงห์เขย่งขาชาวไทยที่ชื่นชอบความเป็นรถยุโรปในราคาเทียบเท่ารถญี่ปุ่นพรีเมียมและปีนี้อาจเสริมทัพด้วย Peugeot 408 เอสยูวีมาดเท่ที่มาทั้งขุมพลังเบนซินเทอร์โบล้วน 1.2 ลิตร 3 สูบ 130 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด EAT8 ขับเคลื่อนล้อหน้า

    กับขุมพลังเบนซินเทอร์โบ Plug In Hybrid PureTech 1.6 ลิตร EP6FDT 110 แรงม้า ที่มีสองความแรงตั้งแต่ Mid Power PHEV 180 แรงสุดเมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 180 แรงม้าแรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,650 รอบ/นาที และ High Power PHEV 225 ทำงานร่วมกันแรงสุด 225 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,650 รอบ/นาที ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 12.4 kWh และวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าอยู่ที่ 55-61 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถขาร์จช้า AC สูงสุด 3.7 kW ใช้เวลา 3.50 ชั่วโมง และ 1.55 ชั่วโมงถ้าชาร์จ AC สูงสุด 7.4 kW

    Toyota : Toyota Yaris ATIV Hybrid x Toyota IMV-0 x Toyota Hilux REVO BEV – Toyota Hilux REVO GR Sport x Toyota Corolla Altis-Toyota Corolla Cross Facelift x Toyota Innova New Generation 

    ToyotaToyotaToyota

    แรงข้ามปีกับเก๋ง B-Car อย่าง Toyota Yaris ATIV ที่ยังต้องส่งมอบกันต่อไปกับยอดจองค้างตั้งแต่เปิดตัวและปีนี้อาจเพิ่มงเลือกกับขุมพลัง Hybrid 1.5 ลิตรเสริมทัพเบนซิน 1.2 ลิตร กับขุมพลังเบนซิน Dynamic Force Hybrid M15A-FXE 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 120 นิวตันเมตรที่ 3,800-4,800 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Toyota Hybrid System II (THS II) คู่หน้าแบบ 1NM 80 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตรMM 5.3 แรงม้า แรงบิด 52 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion 4.3 Ah ให้กำลังรวมถึง 116 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ

    นอกจากได้เห็นสองตัวเก่งจากโครงการ IMV ทั้ง Toyota Hilux REVO BEV และกระบะ Toyota IMV-0 ในรูปแบบขายจริงแล้วมีความเป็นไปได้ว่าทั้ง Toyota Corolla Altis และ Toyota Corolla Cross มีการปรับโฉมรวมถึงอาจปลดขุมพลัง Dual VVT-I ทั้ง 1.6 และ 1.8 ที่อยู่ตลาดมานาน 13 ปี ใส่ขุมพลังใหม่ Dynamic Force M20A-FKS 2.0 ลิตร 170 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาทีแรงบิด 202 นิวตันเมตรที่ 4,400- 4,800 รอบ/นาที พร้อมฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection และควบคุมการเปิด-ปิด วาลว์ไอดี VVT-iE จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift 10 สปีด พร้อม paddle shift ขับเคลื่อนล้อหน้า

    Toyota

    ส่วนรุ่นเบนซิน Hybrid ยังคงเดิมแต่พัฒนาเพิ่มพลังด้วยขนาด 1.8 ลิตร 2ZR-FXE  98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที ภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ล้อหน้ารุ่น 1VM 95 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตันเมตร และหลังสำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four รุ่น 1WM 41 แรงม้า แรงบิด 84 นิวตันเมตร  ได้แรงม้ารวม 140 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมดทั้ง “Eco”, “Normal”, “Sports”, Comfort” และ “Sports S +

    Toyotaปิดท้ายด้วย Toyota Innova New Generation นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากแพลตฟอร์ม TNGA GA-C โมโนค็อกไร้กระดูกและเปลี่ยนมาเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมพลัง Dynamic Force ใหม่หมดตั้งแต่ เบนซิน 2.0 ลิตร  M20A-FKS 174 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาทีแรงบิด 205นิวตันเมตรที่ 4,500- 4,900 รอบ/นาที พร้อมฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection ควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วไอดี VVT-iE จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift พร้อม Sequential Shift 10 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่ Eco + Power

    และ เบนซินไฮบริด Dynamic Force Hybrid รหัส M20A-FXS 2.0 ลิตร ให้พลัง 152 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 187 นิวตันเมตรที่ 4,400-5,200 รอบ/นาทีในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 113 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่นิเกิล-เมทัลไฮไดรด์ (Ni-MH) 168 cell เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 186 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT พร้อม Sequential Shift พร้อมโหมดการขับขี่  Eco + Power+ Normal  โดยยังนำเข้าจากอินโดนีเซียเช่นเดิม

    Toyota

    ปิดท้ายด้วยอภิมหาที่สุดกระบะจอมโหดอย่าง Toyota Hilux REVO GR Sport ที่งานนี้อัปเกรดตัวเองให้กลายเป็นปีศาจร้ายทางเรียบ หรือ Performance Pickup ฟาดฟันกับ Ford Ranger Raptor ด้วยพลังดีเซล 2.8 ลิตร 224 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร พร้อมตัวรถที่ปรับบุคลิกให้ดิบขึ้น มีการขยายในทุกส่วนเมื่อเทียบกันพบว่าความยาวตัวรถลดลง 5 มม. ความกว้างมากขึ้น 120 มม.  สูงขึ้นจากเดิม 15 มม. ความกว้างช่วงล้อหน้ากว้างกว่าเดิม 140 มม. ความกว้างช่วงล้อหลังกว้างกว่าเดิม 155 มม.

    Volvo : Volvo EX90 x Volvo XC40-C40 Recahrge Pure Electric FWD

    Volvoหลังเผยโฉมแบบ Sneak Preview ที่งาน Motor Expo 2022 ไปสำหรับ Volvo EX90 เอสยูวีไฟฟ้า ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA2) ดีไซน์ล้ำหน้ากว่ารุ่นอื่นๆของ Volvo ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.29 ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้ความจุแบต lithium-ion ขนาดใหญ่ 111 kWh แรงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร และมีรุ่นแรง Performance 517 แรงม้า แรงบิด 910 นิวตันเมตร

    วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 600 กม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.9 วินาที สามารถชาร์จกระแสตรง DC 10-80 % ภายใน 30 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 250 kW และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW พร้อมระบบ LiDAR หรือ Light Detection and Ranging ระบบตรวจจับวัดระยะทางของวัตถุและคนเดิน โดยการใช้แสงเลเซอร์ไปกระทบกับวัตถุแล้วคำนวณระยะทางด้วยระยะเวลาทำงานได้เร็ว ประกอบด้วย รวมถึงกล้องแปดตัว เรดาร์ 5 ตัว เซนเซอร์อัลตราโซนิก 16 ตัว และเซนเซอร์ของระบบ LiDAR ตรวจจับคนเดินถนนด้วยระยะไกลสูงสุด 250 ม.

    Volvo

    และอาจมี Volvo XC40 x C40 Recharge Pure Electric ขับเคลื่อนล้อหน้ากับขุมพลังไฟฟ้าล้วน P6 มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 231 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร โดยมีความจุแบตเตอรี่ 69 kWh วิ่งไกลสุด 400 กิโลเมตรเท่ากับรุ่น P8 AWD และสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 7.4 วินาที เข้ามาเสริมทัพ

    Car

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts