สำหรับปีกระต่ายนี้ Nissan พร้อมที่จะส่งรถรุ่นใหม่เข้าทำตลาดทั้งรถปัจจุบันแต่งหน้าทาปากหรือตกแต่งพิเศษ แต่โมเดลใหม่นี้ต้องมาลุ้นกันว่า
Nissan Serena จะเข้าไทยหรือไม่แต่ที่ไม่ต้องลุ้นนั่นก็คือรถใหม่ 2023 ในส่วนรุ่นที่ขายปัจจุบันจะมีการเผยรุ่นพิเศษออกมานั้นก็คือ Nissan Terra Sport ซึ่งมีการเปิดตัวไปแล้วที่ฟิลิปปินส์กับหน้าตาที่คล้ายกับ Nissan Terra 70th Anniversary แค่ตัดแถบสติกเกอร์ตกแต่งพิเศษ ตกแต่งที่กระโปรงหน้าออกไป
กับเปลี่ยนลายล้อมาเป็นลายเดียวกันกับ Nissan Navara Black Edition ขนาด 18 นิ้ว สีดำ Gloss Black พร้อมยาง 255/60R18 นอกนั้นเหมือนกับสเปก ฟิลิปปินส์ ตั้งแต่ กระจังหน้ารูปตัววีสีดำ กันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ แต่ในส่วนชุดตกแต่งกันชนหน้า กรอบไฟตัดหมอกและคิ้วกันกระแทกใต้กันชนหน้าตกแต่งสีดำเงา
ช่องระบายอากาศที่แก้มบังโคลนซ้าย-ขวา กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ ราวหลังคา เสาอากาศครีบฉลาม คิ้วกับแผงประตูท้าย ชุดแต่งเสริมกันชนหลังซ้าย-ขวา คิ้วกันกระแทกใต้กันชนหลัง สปอยเลอร์หลังตกแต่งสีดำทั้งหมด พร้อมออปชันเดิมทั้งไฟหน้า Quad LED 4 ดวง พร้อมไฟ DRL LED ในโคมเดียวกัน ไฟท้าย LED แบบ Light Guide เส้นคู่ ให้ความรู้สึกล้ำสมัย ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และฝาประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ภายในเข้มทั้งคันด้วยห้องโดยสารสีดำ พร้อมออปชนเดิมทั้ง แผงคอนโซลหน้าสีดำ พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านดีไซน์ท้ายตัด มาตรวัดเรืองแสง TFT 7 นิ้ว
จอสัมผัสขนาด 9 นิ้วใหญ่กว่าสเปกฟิลิปปินส์ พร้อม Nissan Connect เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ฟังเพลงผ่าน Bluetooth, ระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) เชื่อม Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto หน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 11 นิ้วบนเพดาน สามารถสตรีมมิ่ง NetFlix และ YouTube ผ่านช่อง HDMI ได้อย่างง่ายดาย พร้อมช่องชาร์จไฟที่ช่วยให้ความบันเทิงไม่มีสะดุดตลอดการเดินทาง ลำโพงคุณภาพจาก Bose 8 จุด
ช่องชาร์จ USB สำหรับผู้โดยสารแถวทีสามโดยทั้งคันมี USB-A 3 จุด และ USB-C 2 จุด รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ เบรกมือไฟฟ้า ที่ชาร์จมือถือไร้สาย เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ด้านหลัง และกระจกมองหลัง Intelligent Rear View Mirror
สเปกไทยได้เปรียบกว่าฟิลิปปินส์ด้วยขุมพลังดีเซลเทอร์โบคู่ 2.3 ลิตร190 แรงม้าที่ 3,750 รอบนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที YS23DDTT จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อม Manual Mode โดยเลือกได้ทั้งรุ่น 2WD ยกสูง กับ 4WD พร้อม 4WD-DIFF lock ช่วงล่างแบบ five-link coil spring
ความปลอดภัยรอบคันทั้ง ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) เตือนคนขับอัจฉริยะ (Intelligent Driver Alertness)
เตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง (Lane Departure Warning) ควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention) เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning-BSW) กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor–IAVM) ทำงานควบคู่กับเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) Parking Sonar ที่ติดตั้งเซนเซอร์ที่กันชนหน้า 4 จุด และกันชนหลัง 4 จุด ตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) เตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness – IDA)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้งระบบเบรก ABS พร้อม EBD และ BA ดิสก์เบรก 4 ล้อ ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC) ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSA) ป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น (ABLS)
จุดยึดที่นั่งเด็กสำหรับเบาะหลัง ISOFIX ล็อกความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ถุงลมนิรภัย 6 จุด และตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS รุ่นขับเคลือนสี่ล้อ ได้ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) จอมอนิเตอร์ระบบ Off-Road Meter
Nissan Terra Sport จำหน่ายในรุ่น VL เตรียมที่จะเผยตัวจริงที่งาน Bangkok Motor Show 2023 มีนาคมนี้ และอาจมีสีตัวถังแบบนี้กับสเปกฟิลิปปินส์ทั้ง สีขาว Aspen Pearl White, สีดำ Galaxy Black, สีแดง Fiery Red และสีเทา Stealth Pearl Grey และค่าตัวอาจไม่หนีห่างรุ่น 70 ปี แถวๆ 1,495,000 -1,565,000 บาท ก็เป็นได้