สำหรับเมืองไทยความเคลื่อนไหวของ Toyota Corolla Altis เก๋งยอดนิยมปรับโฉมยังไม่มีวีแว่ที่เปิดเผยแต่อย่างใดไม่ว่าจะปรับหน้าตาหรือได้เครื่องใหม่
ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใดล่าสุดไต้หวันเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ MY2023 สำหรับ Toyota Corolla Altis ที่ยังใช้หน้าเดิมเมื่อ 4 ปีก่อนมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูดีโดยเปลี่ยนในส่วนช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่รวมถึงล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/55 R16 นอกนั้นคงเดิมทั้งกระจังหน้าทรงสปอร์ตตกแต่งด้วยสีดำ กันชนหน้าออกแบบสปอร์ตพร้อมสเกิร์ตในตัว
ชุดแต่งสเกิร์ตด้านข้างและด้านหลัง ไฟตัดหมอกหน้า LED ฝาครอบพร้อมกระทะล้อขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 195/65R15 และล้ออัลลอย 17 นิ้ว พร้อมยาง225/45 R17 พร้อมไฟหน้า Bi-Beam LED ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights ในโคมเดียวกัน และโลโก้ GR Sport ติดท้ายรถ สำหรับรุ่น GR Sport
ในส่วนของภายในมีการปรับมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว เพิ่มช่องเสียบ USB-C ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง นอกนั้นคงเดิมทั้งเบาะหนังคู่หน้าแถบแดงดีไซน์สปอร์ตพร้อมโลโก้ GR พร้อมพนักพิงศีรษะ ปุ่มกดสตาร์ทตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR ในรุ่น GR Sport พร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ช่องเสียบ USB แบบ Type C ในช่องเก็บของคอนโซลกลาง, หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า (Lumbar Support), ระบบ Illuminate entry system, ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning System) และช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง (Rear Air Conditioning) แต่ที่ต่างจากสเปกไทยคือไม่มีแท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมติ ม่านบังแดดหลังและหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบเปลี่ยนสีบนกระจกหน้ารถ Head Up Display
ขุมพลังคงเดิมทั้งเบนซิน DUAL VVT-I 1.8 ลิตร 2ZR-FE 140 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVTi 7 สปีดพร้อม Sequential Shift พร้อมPaddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
กับเบนซิน Hybrid เจน4 ขนาด 1.8 ลิตร 2ZR-FXE 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร ทำให้ได้แรงม้ารวมถึง 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT สำหรับช่วงล่างยังคงอิสระ 4 ล้อเช่นเดิมแต่ว่าในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 กลับไปใช้ช่วงล่างดั้งเดิมนั่นคือทอร์ชันบีม
และความปลอดภัย TOYOTA SAFETY SENSE ทั้ง Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-Speed ควบคุมและปรับลดระดับความเร็วได้ถึง 0 กม./ชม.และสามารถเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้เมื่อไม่มีรถขวางหน้า พร้อมระบบ Lane Tracing Assist ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน PRE-COLLISION SYSTEM ความปลอดภัยก่อนการชน LANE DEPARTURE ALERT WITH STEERING ASSIST เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ AUTOMATIC HIGH BEAMS ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ
Back Guide Monitor กล้องมองภาพขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอยรถ Hill-start Assist Control ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Blind Spot Monitor ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Back Sonar สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรี Vehicle Stability Control ควบคุมการทรงตัว ถุงลมนิรภัย SRS 7 ตำแหน่ง
เบื่องต้นจำหน่ายแล้วที่ไต้หวันทั้งหมด 7 รุ่นย่อยราคาในเริ่มต้น 725,000-930,000 TWD หรือราว 799,000-1,025,000 บาท ส่วนเมืองไทยจะได้ขุมพลังใหม่ Dynamic Force 2.0 ลิตร ทั้งแบบธรรมดาและไฮบริด มาเชยชมหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา U-Car