BMW Motorrad ยกทัพบิ๊กไบค์สู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 นำขบวนโดยมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู R 1300 GS รุ่นใหม่
BMW Motorrad จัดทัพบิ๊กไบค์เผยโฉมในงาน Motor Show 2024 นำขบวนโดย R 1300 GS ของมอเตอร์ไซค์ในตำนาน บีเอ็มดับเบิลยู CE 02 มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 นี้ ณ อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 เมืองทองธานี พร้อมส่งสุดยอดมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มทัวริ่ง เอนดูโร R 1300 GS ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ลดทอนน้ำหนักลงถึง 12 กิโลกรัม เครื่องยนต์และการออกแบบถังเชื้อเพลิงให้โฉบเฉี่ยวและกะทัดรัดยิ่งกว่าที่เคย รวมถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู CE 02 ใหม่ ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองโดยเฉพาะ ภายใต้คอนเซ็ปท์ “eParkourer” ที่มอบทั้งความคล่องตัว ทรงพลัง และความเร้าใจในการขับขี่ และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ซูเปอร์ไบค์ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะในการขับเคลื่อน ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์สไตล์มอเตอร์สปอร์ต และบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 ใหม่ สำหรับประสบการณ์ทัวริ่งสุดหรูในทุกช่วงเวลาการขับขี่ทางไกล และความสบายที่เหนือระดับ
มร. ชิวาภาดา เรย์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และผู้นำเข้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยังคงมีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดบิ๊กไบค์ของไทย และให้ความสำคัญกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม พร้อมนำมอเตอร์ไซค์ใหม่ 4 รุ่น สู่งานมอเตอร์โชว์ 2024 ณ บูธ M7 รวมถึงโปรโมชันพิเศษและสิทธิประโยชน์ มาให้ลูกค้าเลือกสรร พร้อมมอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้านักบิดในไทยของเรา”
ไฮไลท์รถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45
BMW R 1300 GS ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,205,000 บาท
BMW R 1300 GS มาพร้อมไฟหน้าแบบ Full-LED ขนาดกะทัดรัด ด้วยไฟรูปแบบใหม่ที่ดูแตกต่าง ออกแบบให้ดูทันสมัยโดดเด่นตามมาตรฐาน ด้วยไฟ LED สองดวงสำหรับไฟต่ำและสูง นอกจากนี้ ยังมีไฟ LED เพิ่มเติมอีกสี่ดวงสำหรับใช้เป็นไฟส่องสว่างเวลากลางวันและไฟส่องสว่างด้านข้าง ช่วยมอบทัศนวิสัยที่เหนือชั้นกว่าที่เคยในทุกการขับขี่ ฟีเจอร์ Headlight Pro ยังช่วยปรับลำแสงจากไฟหน้า LED ตามการเข้าโค้ง เพื่อการขับขี่อย่างมั่นใจ ไฟเลี้ยวแบบ LED ที่ได้รับการออกแบบใหม่ ติดตั้งที่บริเวณแฮนด์การ์ดพร้อมฟังก์ชันครบครัน
มาพร้อมสมรรถนะที่เหนือไปอีกขั้นในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง เอนดูโร จากตระกูล GS กับการปรับโฉมใหม่เกือบทั้งหมด ด้วยการลดทอนน้ำหนักลงถึง 12 กิโลกรัม พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบวางเรียงระดับตำนานของตระกูล GS ที่ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดยิ่งกว่าที่เคย พร้อมความจุ 1,300 ซีซี ส่งพละกำลังสูงสุด 107 กิโลวัตต์ (145 แรงม้า) ที่ 7,750 รอบต่อนาที มอบแรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ
ต่อนาที นับว่าเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่บีเอ็มดับเบิลยูเคยมีมา
สำหรับสายผจญภัยทางวิบากสามารถเลือกโหมดการขี่ “Enduro” ใหม่ ซึ่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นระหว่าง การผจญภัยบนเส้นทางวิบากโดยเฉพาะ โหมดการขับขี่ “Rain” และ “Road” ปรับแต่งเพื่อรองรับการขับขี่บนสภาพท้องถนนหลากหลายรูปแบบ ในขณะที่โหมด “Eco” จะมอบการขับขี่ที่ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัดน้ำมันเพื่อระยะการเดินทางสูงสุด
BMW CE 02 ราคาจำหน่าย 479,000 บาท
BMW CE 02 ยนตรกรรมไฟฟ้าจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้ชีวิตในเมือง มาในคอนเซ็ปท์ “eParkourer” (Pakour หรือ ปากัวร์ เป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่เน้นการปีนป่ายข้ามอุปสรรคด้วยความรวดเร็ว) มอบความคล่องตัว ทรงพลังและความเร้าใจในการขับขี่แต่ละวัน พร้อมสัมผัสประสบการณ์สดใหม่ในการขับขี่ยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 48 โวลต์ ความจุ 1.96 กิโลวัตต์-ชั่วโมง 2 ก้อน โดยแบตเตอรี่สามารถถอดได้ระหว่างการบำรุงรักษา สร้างกำลังได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) ส่งแรงบิดสูงสุด 55 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียง 3 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งได้ไกลถึง 95 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยแบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 0% ถึง 100% ในเวลา 210 นาที และชาร์จจาก 20% ถึง 80% ในเวลา 102 นาที ด้วยสายชาร์จแบบเร็วที่ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยให้กำลังไฟสูงถึง 1,500 วัตต์ และยังมาพร้อมกับ 2 รูปแบบการขับขี่คือโหมด “Flow” และ “Surf” โดยโหมด “Flow” เหมาะสำหรับการขับขี่ฝ่าการจราจรหนาแน่นในเมือง ในขณะที่โหมด “Surf” มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานเร้าใจเมื่อพ้นช่วงการจราจรที่พลุกพล่าน
ด้านฟีเจอร์มาพร้อมจอภาพสี TFT ให้ภาพที่คมชัด โดยแสดงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ อาทิ ความเร็วในการขับขี่และสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ ช่องชาร์จ USB-C ทำให้ชาร์จสมาร์ทโฟนได้สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน BMW Motorrad Connected ยังแสดงระยะเวลาที่คาดว่าการชาร์จจะสิ้นสุดบน
สมาร์ทโฟนผ่านการเชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธอีกด้วย
BMW S 1000 RR ราคาจำหน่าย 1,005,000 บาท
S 1000 RR ซูเปอร์ไบค์ที่มาท้าทายขีดจำกัดนักบิดอีกครั้งกับสี Light White/M Motorsport ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ มอเตอร์ไซค์รุ่นดังกล่าวผสานจิตวิญญาณ Never Stop Challenging เหมาะสำหรับการขี่ทุกรูปแบบทั้งบนท้องถนน ในสนามแข่ง หรือทั้งสองสไตล์ร่วมกัน มาพร้อมคุณสมบัติเหนือชั้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น แชสซีและระบบช่วงล่างที่เหนือชั้นกว่าที่เคย ระบบเบรก Slide Control ระบบควบคุม Dynamic Traction Control ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นควบคุมการลื่นไถล (Slide Control) และอีกหลากหลายระบบช่วยเหลือสุดล้ำสมัย คุณสมบัติดังกล่าวยังช่วยสร้างไดนามิกการขับขี่ที่เหนือชั้นให้กับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR พร้อมมอบสมรรถนะขั้นสูงสุดและประสบการณ์
การขับขี่ที่ไม่เหมือนใครให้แก่เหล่านักบิด
มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน 4 วาล์วไทเทเนียมต่อลูกสูบ DOHC และ BMW ShiftCam ความจุ 999 ซีซี ส่งพละกำลัง 154 กิโลวัตต์ (210 แรงม้า) ที่ 13,750 รอบต่อนาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 303 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่และการเร่งขณะขับขี่ที่ความเร็วต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
ด้านดีไซน์ยังมาพร้อมรูปโฉมด้านหน้าใหม่ ฝาครอบเบาะนั่งซ้อนท้ายที่หรูหรา และส่วนท้ายแบบใหม่ เบากว่าและดูสปอร์ตยิ่งขึ้น สี Black Storm Metallic ยังช่วยให้มอเตอร์ไซค์มีรูปลักษณ์ที่หรูหราอย่างยิ่ง โดยเน้นถึงธรรมชาติของตัวรถที่มีสมรรถนะสูงจากในสนามแข่ง ในขณะที่รุ่นสี Light White/M Motorsport ใหม่ ก็มาพร้อมกับแถบสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของของโลโก้บีเอ็มดับเบิลยู M พร้อมตกแต่งด้วยแถบสีขาวดำตัดกับส่วนที่เหลือของมอเตอร์ไซค์
BMW K 1600 ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,695,000 บาท
ทัพมอเตอร์ไซค์ในตระกูล K 1600 ใหม่ จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด พร้อมเร่งเครื่องสู่ท้องถนนและพาเหล่านักบิดสัมผัสประสบการณ์ทัวริ่งสุดหรูในทุกช่วงเวลาของการขับขี่ โดยแต่ละรุ่นมอบประสบการณ์การขับขี่ทางไกลที่มาพร้อมความสบายเหนือระดับ บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GT มอบประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัวและทรงพลังด้วยเครื่องยนต์แบบ 6 สูบ บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GTL ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อมอบความสบายในการขับขี่ มาพร้อมกล่องสัมภาระท้ายรถ (top case) แบบมาตรฐานเพื่อประสบการณ์การขับขี่สุดประทับใจ ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 B ออกแบบให้มีความปราดเปรียวด้วยด้านท้ายที่ลาดต่ำในสไตล์แบกเกอร์ และบีเอ็มดับเบิลยู K 1600 Grand America ต่อยอดการออกแบบจากรุ่น K 1600 B พร้อมอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ทุกการขับขี่ทางไกลเปี่ยมด้วยความสะดวกสบายและสนุกเร้าใจ
K 1600 ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ส่งพละกำลังสูงสุด 118 กิโลวัตต์ (160 แรงม้า) ที่ 6,750 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร ที่ 5,250 รอบต่อนาที โดยทุกรุ่นมาพร้อมระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) เพื่อป้องกันการลื่นไถลที่เกิดจากล้อหลังหมุนฟรีขณะเข้าเกียร์ว่างหรือเปลี่ยนเกียร์เพื่อลดความเร็ว
นอกจากนี้ยัง มาพร้อมระบบควบคุมช่วงล่างแบบไฟฟ้า (Dynamic ESA)
เจเนอเรชันใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย มอบสมรรถนะเร้าใจและความสะดวกสบายในทุกสถานการณ์ โดยทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่, ลักษณะการควบคุมหรือแม้แต่ตำแหน่งการขับขี่ โดยในสถานการณ์ปกติ ระบบปรับช่วงล่างด้วยระบบไฟฟ้า (Dynamic ESA) จะเริ่มทำงานในโหมดการขับขี่ “Road” แต่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโช้คอัพให้มีความหน่วงมากขึ้นและควบคุมรถได้เฉียบคมขึ้นโดยกดปุ่มเปลี่ยนไปยังโหมด “Dynamic” ส่วนรุ่น K 1600 GT และ GTL ยังมีโหมดการขับขี่ “Rain” เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมได้อย่างมั่นใจในสภาวะการขับขี่ที่ท้าทาย โดยรุ่นย่อย K 1600 B และ K 1600 Grand America มาพร้อมโหมด “Cruise” มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างขับขี่ทางไกล
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook : Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day