หลังจากเปิดตัวเวอร์ชันไฟฟ้าล้วนขายยุโรปไปแล้วล่าสุด BYD ใช้เวทีงาน Geneva Motor Show เปิดตัว BYD SEAL U DM-i อย่างเป็นทางการ
BYD SEAL U DM-i เอสยูวีหน้าหรูเป็นหนึ่งในตระกูล OCEAN หน้าตาคล้ายเวอร์ชันไฟฟ้าแต่จุดต่างตรงที่ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียว มีช่องระบายอากาศแนวนอนสามชั้นตรงกลางของชุดกันชนหน้า ประกบคิ้วสีเงินสองเส้นซ้าย-ขวาบนมุมกันชน ส่วนรุ่นไฟฟ้าล้วนมาแบบปิดทึบ พร้อมไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL LED ใต้ชุดไฟหน้าแบบรูปตัวแอล กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง
ไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันขนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา มีคำว่า Build Your Dreams บนฝาท้ายรถ หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R19 ตัวรถมาในร่างเอสยูวีไซซ์ใหญ่ D-Segment
ตั้งแต่ความยาว 4,775-4,785 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความสูง 1,660-1,670 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,205 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร
ภายในปรับโทนสีภายในเป็นสีดำล้วนเน้นความล้ำสมัยพร้อมออปชันดังนี้ จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน มาตรวัดความเร็ว 8.8 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวหลังแบ่งพับ 60:40 เพื่อขยายพื้นที่ในการขนสัมภาระมาถึง 1,449 ลิตร กรณีพับเบาะและมีพื้นที่ถึง 570 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ
เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส และช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ
มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQA ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 311 แรงม้า มาพร้อมสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น DM-i 110 จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.3 วินาที
รุ่นท็อป DM-i 150 พื้นฐานเดียวกันแต่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 26.6 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV และ EV รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW และวิ่งไกล 1,080 กิโลเมตรต่อการชาร์จและการเติมน้ำมันเพียงหนึ่งครั้ง
มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2 / CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้
พร้อมความปลอดภัยขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ที่มาอย่างครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงได้แก่ ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW) ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS) ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW with RCW)
ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB) ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP) ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA) ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)
ความปลอดภัยพื้นฐานทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC) และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา
BYD SEAL U DM-i เตรียมขายยุโรปช่วงไตรมาสสองปีนี้ ขายทั้งเวอร์ชันพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวาส่วนเมืองไทยพบกันภายในปีนี้และมีแนวโน้มจะขายเวอร์ชันเสียบปลั๊ก และ สามารถพบตัวจริงที่งาน Bangkok Motor Show 2024 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้
ที่มา AUTOEVOLUTION