หลังจากได้เห็นการทดสอบพรางตัวของ BYD SEAL U พวงมาลัยขวาที่ออสเตรเลียจนเกิดคำถามมากมายว่าจะมีเวอร์ชันไฟฟ้าเข้ามาขายหรือไม่
งานนี้แฟนๆที่รอคอยต้องบอกเลยว่าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งเพราะเวอร์ชันไฟฟ้าล้วนขายเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น โดยทั้งสื่อออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ลงความเห็นว่าเวอร์ชัน Plug In Hybrid มาขายแน่นอนเป็นหนึ่งในสองรุ่นที่จะเปิดตัวรวมถึง BYD Pickup PHEV และปีต่อๆไปจะเปิดรถใหม่อีกสองรุ่นนับจากปีนี้มุ่งหวังเป็นแบรนด์ยอดนิยมของชาวออสเตรเลียในปี 2025 ซึ่งต่างจากนิวซีแลนด์ที่มีรถใหม่ปีนี้ถึงสี่รุ่นทั้ง BYD PICKUP PHEV, หนึ่งรุ่นที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด, SEA LION 07 และ SEAL U PHEV นั่นเอง
BYD SEAL U หรือ BYD Song Plus (Champion Edition) หนึ่งในตระกูล OCEAN หน้าตาคล้ายเวอร์ชันไฟฟ้าแต่จุดต่างตรงที่ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียว มีช่องระบายอากาศแนวนอนสามชั้นตรงกลางของชุดกันชนหน้า ประกบคิ้วสีเงินสองเส้นซ้าย-ขวาบนมุมกันชน พร้อมไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL LED ใต้ชุดไฟหน้าแบบรูปตัวแอล กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง ไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันขนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา มีคำว่า “ Build Your Dreams ” บนฝาท้ายรถ หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R19
ตัวรถมาในร่างเอสยูวีไซซ์ใหญ่ D-Segment ตั้งแต่ความยาว 4,775-4,785 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความสูง 1,660-1,670 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,205 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร
ภายในเหมือนเวอร์ชันจีนแต่ปรับโทนสีภายในเป็นสีดำล้วนเน้นความล้ำสมัยพร้อมออปชันดังนี้ จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน มาตรวัดความเร็ว 8.8 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวหลังแบ่งพับ 60:40 เพื่อขยายพื้นที่ในการขนสัมภาระมาถึง 1,449 ลิตรกรณีพับเบาะและมีพื้นที่ถึง 570 ลิตรในกรณีไม่พับเบาะ เครื่องปรับอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส และช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ
มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQA ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 311 แรงม้า มาพร้อมสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น DM-i 110 ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh เมื่อทำงานร่วมกัน วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.3 วินาที
และรุ่น DM-i 150 พื้นฐานเดียวกันแต่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 26.6 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV และ EV รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW และวิ่งไกลมากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จและการเติมน้ำมันเพียงหนึ่งครั้ง
BYD SEAL U PHEV เตรียมเปิดตัวที่ออสเตรเลียครึ่งปีแรกของปี 2024 ส่วนนิวซีแลนด์ภายในปีนี้คาดเป็นช่วงเดียวกันของออสซี่
ที่มา CAREXPERT และ EVs & Beyond