ถ้าคุณคิดว่า Ford Ranger Raptor คือที่สุดแห่งทางโหดฟอร์ดยังมีรุ่นใหม่สายทางเรียบให้กับตระกูลเกิดมาแกร่งนั่นก็คือ Ford Ranger MS-RT Dynamic
Ford Ranger MS-RT Dynamic กระบะเตี้ยขาซิ่งเจเนอเรชันที่สอง ดัดแปลงมาจากรุ่น Ranger Double Cab สาดความโหดเสริมความดุให้สมกับเป็นยีราฟแคระทางเรียบ หรือ Ultimate Street Truck ตกแต่งภายนอกที่เฉียบขาด ด้วยกันชนหน้าทรงสปอร์ต กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์คาดไฟหน้าพร้อมโลโก้ขนาดใหญ่และไส้ในรังผึ้ง บังโคลนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศแนวตั้งหลังบังโคลนหน้า
ออกแบบเรียบง่ายบึกบึนด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่รองรับสเกิร์ตด้านข้างดีไซน์เนียนเข้ากับตัวถัง เสาอากาศครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสองจุดที่ขอบกระจกหลังและขอบฝากระบะท้าย และกันชนหลังเสริมลิ้นสปอยเลอร์ลายรังผึ้งสีดำออกแบบกลมกลืนกับตัวรถ และ ล้อสีดำเข้มทรงโตลาย Diamond Cut ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางสปอร์ตแก้มเตี้ย 275/45 R21พร้อมชุดไฟหน้า LED และไฟท้าย LED
ภายในตัดเย็บอย่างหรูด้วยเบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำเดินด้ายสีน้ำเงินทรงสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านลวดลายพิเศษหุ้มหนังเดินด้ายน้ำเงินพร้อม On-Centre Marker เป็นแถบสีน้ำเงินด้านบนของพวงมาลัย ช่วยให้นักขับทราบตำแหน่งองศาของพวงมาลัยขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง พร้อมออปชันเดิมไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® Android Auto™ สามารถเชื่อมต่อบลูทูธ พร้อมระบบ FordPass ช่องต่อ USB 4 จุด
มาตรวัดดิจิทัลแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว ช่องต่อไฟ 12V พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W) เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ auto hold และครั้งแรกกับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter หุ้มหนัง แท่นชาร์จไร้สาย กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวาและปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB
ขุมพลังโหดเป็นดีเซลเทอร์โบเดี่ยวตระกูล Lion ขนาด 3.0 ลิตร V6 Power Stroke ที่ให้กำลังลดลงจากเดิมเหลือ 240 แรงม้าที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 e-Shifter มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time 4WD แบบ e-Shifter (2H,4H,4L และ 4A) ที่มาพร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case–EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้า
พร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System ทั้งโหมด Normal, Eco, Tow/Haul, Slippery และยามลุยมีทั้งโหมด Sand, Mud/Ruts พร้อมเฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential มีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม พัฒนาช่วงล่างใหม่เสริม ปรับตัวรถเตี้ยลงถึง 40 มิลลิเมตร โช้คอัพหน้าหลังที่มีส่วนประกอบของแดมเปอร์จัดการแรงสะเทือนการยุบ การคืนตัว ให้ความมั่นคงยืดหยุ่นในการขับขี่เข้าโค้งอย่างมั่นใจ ผนวกกับตัวรถที่ขยายความยาว 82 มิลลิเมตร และความกว้างช่วงล้อหน้าและหลังยังขยายไปอีก 40 มิลลิเมตร
โดย Ford PRO เปิดรับจองแล้วที่โซนยุโรปประเดิมที่อังกฤษและเตรียมส่งมอบตั้งแต่ช่วงกลางปี 2024 (ช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป)
ที่มา AUTOEXPRESS