ทำตลาดมาอย่างนานและกลายเป็นทางเลือกใหม่กับ GWM TANK 300 เอสยูวีทรงกล่องจอมดุครองใจใครหลายๆคนทั้งในไทย จีน และหลายประเทศที่จำหน่าย
และงานนี้เอาใจคนไม่ชอบถ่านติดรถใช้งานแบบสบายใจคลายกังวลด้วยการเพิ่มขุมพลังสันดาปล้วนดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.4 ลิตร รหัส GW4D24 ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ลงใน GWM TANK 300
ซึ่งประจำการทั้งใน HAVAL H9 และ GWM POER SAHAR โดยเครื่องใหม่นี้ทาง Wei Jianjun ประธาน GWM กล่าวว่าดีเซล 2.4 ลิตรนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการรถลุยจริงๆในเส้นทางสุดโหดด้วยแรงบิดสูงจากเครื่องยนต์ดีเซลจะช่วยให้รถไต่ทางลาดชันได้ ติดอยู่ในโคลนหรือหิมะ ก็ช่วยให้รถหลุดพ้นจากสถานการณ์ได้และดีเซลจะให้ระยะทางที่ไกลกว่าซึ่งอาจมีความสำคัญในพื้นที่ไกลปืนเที่ยงเช่นไม่มีปั้มน้ำมันหรือสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเป็นต้น
จากเดิมจะมีทั้งเบนซินเทอร์โบล้วนขนาด 2.0 ลิตร GW4C20NT 220 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,800-3,600 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เบนซินเทอร์โบ Hybrid 2.0 ลิตร GW4C20NT ให้กำลังรวม 244 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร แต่เมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ จะได้แรงม้ารวม304 แรงม้า แรงบิด 640 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที
เบนซินเทอร์โบ Plug in Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NB ตอบโจทย์การผจญภัยอย่างลงตัวพร้อมมอบประสบการณ์การผจญภัยที่มีสีสันให้ผู้ขับขี่ให้กำลัง 245 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า P2 กำลังสูงสุด 164 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 37.1 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร
วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จในโหมดไฟฟ้าล้วน 105 กิโลเมตร และวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำงาน 860 กิโลเมตร สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 24 นาทีและยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ ประหยัดถึง 12 กิโลเมตรต่อลิตรตามมาตรฐาน WLTC รองรับ V2L (Vehicle-to-load) ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ รองรับการจ่ายโหลดสูงสุด 3.3 kW รองรับการลากจูงสูงสุด 2,000 กิโลกรัมด้วยการพ่วงลาก และ 750 กิโลกรัมกับการลากจูงทั่วไป
และใหญ่สุดเบนซินเทอร์โบคู่ Mild Hybrid V6 3.0 ลิตร รหัส GW6Z30 ให้กำลังมากสุด 354 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,500 รอบต่อนาที สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าของรุ่น MHEV นี้เป็นแบบ Belt-driven integrated starter generator ให้ความประหยัด 8.40 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 11.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ลากจูงได้ 2,500 กิโลกรัม ลุยน้ำลึก 750 มิลลิเมตร ในรุ่น GWM TANK 330 V6
ทุกขนาดยกเว้นรุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบล้วน จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ ระบบสามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 7 รูปแบบ อาทิ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทรายและโหมด 4L
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์และดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง เพื่อความต้องการของทุกสถานการณ์ล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อน
พร้อมโหมด Crawl Mode มีมุม approach angle หรือมุมเงย 33 องศา และมุม departure angle หรือมุมจาก 34 องศา Off-road Cruise Control เหมาะสำหรับถนนออฟโรดที่มีสภาพซับซ้อน หลังจากเปิดฟังก์ชันแล้ว ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วคงที่ และ Body Transparent ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ ระบบจะจดจำข้อมูลภาพจากกล้องระหว่างการขับขี่ ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่
ถึงแม้ยอดขายดีเซลในจีนดูน้อยถึง 178,700 คันในปี 2023 ส่วนมากที่ขายได้จะเป็นกระบะดีเซลและเตรียมที่จะขายจีนภายในปีนี้และอาจส่งออกไปขายในออสเตรเลียและหลายประเทศจับตาเมืองไทยจะนำมาขายด้วยหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา CarNewsChina