นอกจากรุ่น EL รุ่นที่น่าจับตามองถึงออปชันให้มาเยอะแต่ไม่เยอะเท่ารุ่น RS แต่ก็มีสาวกที่ชื่นชอบพร้อมจะเป็นเจ้าของกับ Honda Accord เจนที่ 11
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับรุ่นเริ่มต้นรุ่น E ซึ่งเป็นรุ่นที่เหมาะสมใช้งานเป็นรถFleet รถประจำตำแหน่งผู้บริหาร ในองค์กร บริษัท หรือลูกค้าทั่วไปที่ไม่ชอบความหวือหวาของออปชันประจำรถด้วยหน้าตาหล่อไม่รุ่นรองท็อป EL ผสานด้วยความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ความหรูหราประณีต กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมไส้ในรังผึ้งโดดเด่นด้วยแพตเทิร์นที่มีมิติ สะกดทุกสายตา ไฟหน้า LED แนวยาว พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ไฟท้าย LED แนวยาวล้อมฝาท้ายที่คล้ายๆรถยุโรป ด้านข้างโดยเฉพาะเส้นสายที่ชายประตูล่างรวมถึงกระจกโอเปร่าสไตล์เด่น เสาอากาศครีบฉลาม กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ และ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R17
มิติตัวรถใหญ่ขึ้นทุกมิติตั้งแต่ความยาว 4,962 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,862 มิลลิเมตร ความสูง 1,449 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,828 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,560กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 48.5 ลิตร
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ออกแบบเพื่อมอบทัศนวิสัยที่ดี โดยเน้นการส่งมอบคุณภาพระดับพรีเมียมด้วยมาตรวัดดิจิทัลพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว เป็นรุ่นแรกของค่ายที่ติดตั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่สุดเท่าที่เคยมีมามีระบบ Google built-in ในตัว เรียกใช้งาน Google Maps, Google Assistant และ Google Play ดาวน์โหลดแอปได้ รวมไปถึงเพลง พอดแคสต์รองรับ Android Auto Apple CarPlay อัปเดตออนไลน์ over-the-air ลำโพง BOSE 12 จุด
ชาร์จมือถือไร้สาย wireless charging พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลรถยนต์ Honda Connect มาพร้อมเทคโนโลยี Digital Key เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงานที่จะช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
ดีไซน์แผงคอนโซลหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ Honda ตกแต่งด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ ผิวสัมผัสหุ้มหนัง ครั้งแรกับปุ่ม Experience Selection Dial สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ เครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศได้ ซึ่งจะแสดงผลบนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส ช่วยให้ผู้ขับขี่สัมผัสกับประสบการณ์การควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 ผู้ใช้งาน
พร้อมออปชันใหม่ๆทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ช่องแอร์ด้านหลัง ปุ่ม Push Start ไฟส่องสว่างภายในแบบ LED Map Lights เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สาย และช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง เบาะนั่งหุ่มวัสดุกึ่งหนังแท้โดยด้านคนขับและคนนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทางและระบบความจำตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่เลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลังพื้นที่สัมภาระท้ายมากถึง 473 ลิตร แถมยังขยายพื้นที่วางในส่วนผู้โดยสารด้านหลังมากถึง 1,036 มิลลิเมตร มากกว่า Honda Accord เจนที่แล้วถึง 10 มิลลิเมตร
ขับเคลื่อนสู่ทุกจุดหมายอย่างไร้ข้อจำกัด กับระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV Full Hybrid e:HEV ด้วยเบนซิน I-VTEC 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC รหัส LFB1 ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD)ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้าที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 182 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ให้กำลัง 184แรงม้าที่ 5,000-8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 335 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาทีในภาคมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว และแบตเตอรี่ Lithium-Ion ให้กำลังรวมเมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน 207 แรงม้า ขับเคลื่อนความเร้าใจทุกการขับขี่ตอบสนองดั่งใจ มอบอัตราการประหยัดน้ำมันที่เยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร
รองรับน้ำมันสูงสุด E20 คู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) โหมดการขับขี่ถึงสี่โหมดทั้งโหมด ECON, Normal, Sport และ Individual สวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า โดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน โดยการวิ่ง 1 นาทีที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะสามารถชาร์จไฟเพิ่ม เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบ EV เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น
มั่นใจยิ่งขึ้นในทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING พร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยอื่น ๆ และเทคโนโลยีการขับขี่ที่ครบครันทั้ง ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) โดยระบบยังสามารถปรับลักษณะการเร่งความเร็วได้ตามโหมด ACC ที่เลือกถือเป็นครั้งแรกใน Accord เจนใหม่ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) และครั้งแรกกับเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS) ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่งรอบคันได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และ ใหม่ ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ใหม่ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และ ใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง ควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) และแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
Honda Accord e:HEV รุ่น E มีสีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก) พร้อมภายในสีดำในราคาคาดการณ์ไม่เกิน 1,530,000 บาท ก่อนเปิดราคาจริง 17 ตุลาคมนี้