More

    รีวิว! IONIQ 5 ขับชิวๆเที่ยวเมืองกรุงเก่า 200 กม.

    นับจากที่ IONIQ 5 แนะนำตัวในไทยเมื่อสองปีในฐานะมาโชว์ดักคอเรียกกระแสความสนใจจากแฟนๆชาวอีวีและมีเสียงเรียกร้องให้ขายจริงจัง

    IONIQ 5จน ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) ใจอ่อนเปิดราคาเปิดรับจองอย่างเป็นทางการที่งาน Motor Expo 2023 จนยอดขายออกมาน่าพอใจและโอกาสอันดีที่ทีมงาน Car2Day ได้มารู้จักตัวตนรถอีวีแดนกิมจิอย่าง IONIQ 5 First Edition รุ่นท็อปสุดหล่อแบบจริงจัง

    ตัวรถท้ายตัดทรงสูงแบบครอสโอเวอร์ เท่ผสมผสานดีไซน์ยานยนต์คลาสสิกอย่าง Hyundai Pony เข้ากับ Parametric Pixels Design ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมเส้นสายที่สะอาดตาและเฉียบคม เน้นเส้นเหลี่ยมสันสร้างรูปลักษณ์ที่เพรียวบาง นับเป็นการผสานความล้ำสมัยเข้ากับความคลาสสิกอย่างลงตัว ด้านหน้ารถออกแบบเป็นรูปตัว V กระจังหน้าทรงปิดทึบ

    IONIQ 5ฝากระโปรงหน้าแบบ Clamshell Bonnet มือเปิดประตูด้านข้างแบบซ่อนเก็บได้ในตัว จากฝีมือการออกแบบของ Giorgetto Giugiaro นักออกแบบชื่อดังชาวอิตาลี เพื่อปลุกตำนานอันโด่งดังให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในวันนี้ด้วยไฟหน้า LED คู่รูปตัว U พร้อมโลโก้ Hyundai บนฝากระโปรงที่เปิดประตูซ่อนรูป ด้านท้ายแพรวพราวด้วยไฟท้าย LED กับ ตรา IONIQ 5 ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยางอีวีโดยเฉพาะ 255/45R20 หน้ายางกว้าง 255 มิลลิเมตร แก้มยางพอดีๆขนาด 45 มิลลิเมตร จาก Michelin Pilot Sport EV

    รถท้ายตัดพัฒนาจากแพลตฟอร์ม Hyundai E-GMP มีความยาว 4,635 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความสูง 1,647 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 160 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,990 กิโลกรัม

    IONIQ 5ภายในสบายแบบ 5 ที่นั่งหุ้มด้วยวัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ECO Friendly สีขาวสดใส เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้ามอบความสบายด้วยที่พักขาและดันหลังปรับด้วยไฟฟ้ามีอุ่นเบาะทำความเย็นในตัวเบาะ โดยเฉาะฝั่งคนขับมาแบบ Zero Gravity Seat ผ่อนคลายปรับองศาได้อย่างเหมาะสมพร้อมที่พักขา และความจำตำแหน่งเบาะ 2 จุดแต่สงวนเฉพาะคนขับ

    เบาะหลังทำความร้อนได้ สามารถปรับให้ขยับไปข้างหน้าหรือถอยหลังได้ 5 นิ้ว ทำให้ผู้โดยสารมีพื้นที่กว้างขึ้นหรือใช้เก็บสัมภาระที่จำเป็นได้เยอะขึ้นด้วยพื้นที่บรรทุกของท้ายมากถึง 527 ลิตร และพับเบาะมีพื้นที่ขนของมากถึง 1,587 ลิตร

    ตกแต่งสีขาวใสๆสะอาดๆ ช่องแอร์อยู่บนเสา B-pillars กับม่านบังแดดที่หน้าต่าง ประตูประดับด้วยไฟแบบ ambient lighting กระจายรอบทิศทางไม่ว่าจะเป็นลำโพงกลมๆที่พักแขนบริเวณประตู คอนโซลตรงกลางมีที่ชาร์จ USB ชาร์จมือไร้สายได้มีช่องเสียบปลั๊กไฟสามารถเสียบปลั๊กต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้ได้เลย

    IONIQ 5

    มีหลังคาเปิดรับแสงแถมมีแบบ Solar Roof พร้อมผ้าม่านเลื่อนเปิดปิดด้วยไฟฟ้า รวมทั้งวัสดุคอนโซลหน้ามาจากการรีไซเคิลติดตั้งมาตรวัดดิจิทัล Integrated display ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงข้อมูลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้วอยู่ในชุดเดียวกับมาตรวัด

    ระบบเครื่องเสียงชั้นนำระดับโลกจาก BOSE รอบคัน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชนสองก้านติดโลโก้จุดสี่จุดหลังพวงมาลัยมี มีแป้น Paddle Shift เอาไว้หน่วงความเร็ว หน่วงได้ 3 ระดับ พร้อมระบบ i-Pedal พร้อมสวิตช์เกียร์ตรงคอพวงมาลัยฝั่งขวา ความแปลกตรงที่เกียร์ D จะต้องหมุนลงมาล่างสุดแต่กลับต้องหมุนมาบนสุด และเกียร์ R สลับตำแหน่งแรกๆอาจงงหน่อยแต่พอขับนานไปก็จะชินไปเอง

    IONIQรุ่นท็อปสุด First Edition ขับสนุกเร้าใจด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor ขับเคลื่อนล้อหลังแบบ Extended Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 72.6kWh กำลังมากสุด 217 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดกต่อการชาร์จ 451 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.4 วินาที ให้ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่กับเกียร์ 1-Speed Front Dog Clutch

    ชาร์จได้ทั้งสองรูปแบบทั้งแบบชาร์จช้า AC รองรับกำลังการชารืจสูงสุด 10.5 kW ระยะเวลาในการชาร์จจาก 0 – 100% ภายในเวลา 6.09 ชั่วโมง ชาร์จเร็ว DC กำลังการชาร์จสูงสุด 350 kW Ultra-fast Charging สามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 18 นาที เพียง 17.16 นาที โดย Hyundai เคลมว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จเร็วและเหนือกว่าเจ้าอื่นๆพร้อมหัวชาร์จแบบ Type 2 สำหรับชาร์จกระแสสลับ AC และหัวชาร์จ CCS2 สำหรับชาร์จกระแสตรง DC

    IONIQ 5การทดสอบครั้งนี้ไม่ไกลจากเมืองหลวงฟ้าอมรอย่างกรุงเทพมหานคร โดยหมุดหมายปลายทางสิ้นสุดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปกลับหนึ่งวันกว่า 190 กิโลเมตร เริ่มจากโชว์รูม IONIQ Lab ทรูดิจิตอลพาร์ค ชาร์จไฟเต็ม 96 % วิ่งได้ 355 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองก่อนขับ 34.9 kWh/100 กิโลเมตร ขึ้นทางด่วนแยกบางนา ทางพิเศษอุดรรัถยา เข้าทางหลวงมายเลข 9 ตลอดการขับประมาณ 90-100 กิโลเมตร จนถึงร้านอาหาร Artisans Ayutthaya มาเที่ยวชมศิลปะโขน ที่เรียรู้เรื่องโขน อำเภอบางปะอิน

    ตลอดการขับนั้นขับสบาย เร่งแซงลื่นไหล ไม่หน่วงมากนัก ช่วงล่างมาแบบอิสระสี่ล้อที่เซตมาอย่างนุ่มนวลแอบย้วยบ้างรวมถึงพวงมาลัยไฟฟ้าที่น้ำหนักพอดีๆเบามือในช่วงความเร็วปกติและจะมาสูงขึ้นในความเร็วสูงๆ ไม่สั่นมากไม่มีผลกระทบอะไรมากในการขับขี่

    ระหว่างการขับก็ลองมาเล่นฟังก์ชันต่างๆเช่นเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนเพียงกดก้านไฟเลี้ยวก็จะมีกล้องแสดงภาพมาที่หน้าจอ และถ้าไม่กดไฟเลี้ยวแล้วไม่เปลี่ยนหละยังมีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Following Assist (LFA) ทำงานคู่กับ เตือนและควบคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Collision-Avoidance Assist (BCA) โดยจะดึงพวงมาลัยให้กลับเข้ามาอยู่ในเลนของตัวเองและดึงแบบนุ่มนวลไม่ตึงตัง

    ระบบแปรผันความเร็วอัตโนมัติ Stop & Go Smart Cruise Control with Stop & Go Function (SCC w/ S&G) สามารถตั้งค่าความเร็วตามที่ต้องการได้ ถ้าคันหน้าใช้ความเร็วแบบไหนรถเราก็เร็วตามคันหน้า และจะกลับมาสู่ความเร็วที่เราตั้งไว้ในตอนไม่มีรถคันหน้าเข้ามาในเลน ถ้าหยุดไฟแดงรถก็หยุด พอรถคันหน้าเคลื่อนตัวเราก็ไปตามที่ระบบตั้งไว้ซึ่งให้ความสะดวกในการขับขี่อย่างเต็มรูปแบบ

    โหมดการขับขี่ 3 โหมดทั้ง Eco สำหรับใช้งานทั่วๆไป เน้นความประหยัด เร่งแซงชิวไม่รีบร้อนพอเข้ามาโหมด Normal ขยับความเร้าใจขึ้นมาอีกขั้นเร่งแซงอย่างพอสมควร ปิดท้ายที่โหมด Sport & Snow เรียกว่ารวดเร็วและรวบรัดกว่าสองโหมดที่ผ่านมา

    IONIQ 5

    กลับมาถึงโชว์รูม IONIQ Lab ทรูดิจิตอลพาร์คกับระยะทางจริง 204 กิโลเมตร จากชาร์จเต็ม 96% วิ่งได้ 355 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองก่อนขับ 34.9 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร มาถึงกรุงเทพฯโดยไฟเหลือ 50% วิ่งได้อีก 200 กิโลเมตร และอัตราสิ้นเปลืองทำได้ 17.5 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร ใช้ความเร็วราวๆ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับว่าใช้ได้เลยทีเดียว

    และความปลอดภัยอื่นๆอีกมากมายทั้ง ช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Avoidance Assist (FCA) ป้องกันการออกจากรถ ขณะมีรถแล่นจากด้านข้าง Safe Exit Assist (SEA) ช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist (RCCA) และแสดงภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ Surround View Monitor (SVM)

    IONIQ 5อีวีเกาหลีเจ้าของรางวัล Car of the Year มากมายหลายประเทศทั่วโลกการันตีถึงตัวตนที่เด่นทั้งดีไซน์ สมรรถนะแม้กระทั่งการเก็บเสียงที่เงียบบุฉนวนกันเสียงที่หนาทำให้ขับแล้วยิ้มอารมณ์ดีตลอดทาง ช่วงล่างดี ขับสบาย แม้ค่าตัวรุ่นท็อปสุดแรงไปหน่อย 2,399,000 บาท เพราะเป็นรถนำเข้าจากเกาหลีทั้งคันไม่สิทธิพิเศษ FTA แต่ถ้าแลกกับคุณภาพและประสบการณ์การทำรถมาหลายปีของ Hyundai เป็นที่ประจักษ์ว่า IONIQ 5 สามารถสู้ได้ไม่แพ้รถจีน

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts