หลังจากที่ช่วงปีกลายมีความเคลื่อนไหวของค่ายรถยนต์ KIA เกี่ยวกับแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตรถยนต์อีวีในไทยมีกำลังการผลิต 250,000 คันต่อปี
โดย KIA และทาง BOI จะมีลงนามข้อตกลงก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ภายในปี 2023 จะเริ่มก่อสร้างในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ล่าสุดทางสื่อเกาหลีอย่าง Korea Economic Daily รายงานว่าทาง KIA Corporation ตัดสินใจพับแผนการสร้างโรงงานในไทยเป็นการชั่วคราว โดยทางเจ้าหน้าที่ของ KIA ได้กล่าวว่า เราได้ตรวจสอบถึงแนวโน้มที่จะรักษาฐานการผลิตในไทยเพื่อสร้างยอดขายเติบโตในอาเซียน แต่ตอนนี้เราได้ตัดสินใจที่จะพับการลงทุนสร้างโรงงานประกอบในไทยไว้ก่อน และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ
อีกมุมหนึ่งจากทางเพจ Thailand Development Report ได้รายงานว่าเหตุผลที่พับแผนนั้นเกิดจากการเจรจาบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าๆกับทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ไม่ลงตัว และเตรียมที่จะพิจารณาและประเมินอีกครั้งหากสภาพแวดล้อมการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ต้องจับตาแล้ว KIA กับ BOI จะเจรจากันอีกครั้งได้สำเร็จหรือไม่ถ้าสำเร็จโรงงานแห่งใหม่ในไทยจะเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่จะสร้างโรงงานหลังจากโรงงานผลิตรถยนต์ที่อินเดียเกิดขึ้นในปี 2019
เป็นฐานการผลิตแห่งแรกในอาเซียนแห่งที่ 6 ต่อจากสหรัฐ จีน อินเดีย สโลวาเกีย เม็กซิโก ที่ KIA ลงทุนเองทั้งหมดไม่ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจใดๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งในตลาดรถยนตือีวีในไทย และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทางด้านการขาย การตลาด การบริการหลังการขาย ล่าสุด “KIA Corporation” ประกาศตั้งบริษัทลูก KIA Sales (Thailand) อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มกราคมนี้ ด้วยทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท ตั้งสำนักงานใจกลางเมือง เลขที่ 100 อาคารสาธรนคร ทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร จดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา
ตามข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าประเภทธุรกิจตอนจดทะเบียนเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรถกระบะรถตู้ และรถขนาดเล็กที่คล้ายกัน วัตถุประสงค์ประกอบกิจการ เป็นการนำเข้า ส่งออก จำหน่าย (ทั้งปลีกเเละค้าส่ง) เเละยานพาหนะทุกประเภทซึ่งประกอบเสร็จเเล้ว ตลอดจนผลิตภัณฑ์ อะไหล่ ชิ้นส่วน ส่วนประกอบ เเบตเตอรรี่ วัสดุ เเละอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ เเละยานพาหนะทุกประเภทซึ่งประกอบเสร็จเเล้ว
ในวันเปิดตัวบริษัทฯ จะมีการให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ แผนการตลาดและการขายของ ภาพรวมการดำเนินงานของเกียในระดับโกลบอล ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดยทีมผู้บริหารของ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ทั้ง มร. จุน โอ อี ประธาน มร.ฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ และการตลาด และ คุณณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย พูดกันง่ายๆเลยว่าบริษัทใหม่พร้อมแล้วในการการดำเนินธุรกิจชอย่างเต็มรูปแบบและส่งผลให้ ยนตรกิจ เกียมอเตอร์ ผู้จำหน่ายที่ขายมากว่า 20 ปี ลดสถานะมาเป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้จำหน่าย
พร้อมกับการแนะนำรุ่นใหม่ๆประเดิมด้วย KIA Sorento เจเนอเรชันที่สี่ รุ่นก่อนปรับโฉม แพลตฟอร์ม Hyundai-Kia N3 พื้นฐานเดียวกับ Hyundai Santa FE พกพลังเบนซิน ไฮบริดด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Smartstream G T-GDI ขนาด 1.6 ลิตร Hybrid ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500 ถึง 4,500 รอบต่อนาที มีให้เลือกถึงสองความแรงทั้งรุ่น Full Hybrid- HEV จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 60 แรงม้าที่ 1,600 ถึง 2,000 รอบต่อนาที แรงบิด 264 นิวตันเมตรที่ 0 ถึง 1,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไออนความจุ 1 kWh ให้กำลังรวม 230 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร
รุ่น Plug In Hybrid-PHEV กำลังเครื่องเดียวกับรุ่น HEV แต่จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 67 แรงม้าที่ 2,100 ถึง 3,300 รอบต่อนาที แรงบิด 304 นิวตันเมตรที่ 0 ถึง 2,100 รอบต่อนาที พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไออนความจุ 14 kWh ให้กำลังรวม 265 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ Active AWD โดยขาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 3.3 kW ชาร์จได้ถึง 3.25 ชั่วโมง 15-95% วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 68 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP พร้อมเทคโนโลยี DRIVE WiSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัย
มีให้เลือกถึงสามรุ่นย่อยทั้งรุ่น Smart Plus HEV FWD, Premium HEV FWD และรุ่น Premium Plus PHEV AWD นำเข้าจากมาเลเซียโรงเดียวกับรุ่น Carnival ที่ KIA Malaysia Sdn Bhd เป็นบริษัทร่วมทุนโดย KIA และ Bermaz Auto Berhad ตั้งอยู่ที่โรงงาน Inokom ในเมือง Kulim รัฐ Kedah ตามสิทธิ์ AFTA หรือ สิทธิประโยชน์ทางภาษีของกลุ่มประเทศอาเซียน
ที่มา Kedglobal และ Thailand Development Report
