More

    MG Cyberster ตัวจริงไร้พรางตัวโรสเตอร์ไฟฟ้าก่อนเผยจีน 18 เมษายน

    หลังเจอแต่ภาพหลุดพรางตัวของโรสเตอร์หัวใจไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง MG Cyberster แต่ครั้งนี้เห็นทั้งคันแบบชัดเจนและไม่พรางตัวอีก

    MG

    เรียกว่าเป็นการโชว์ดักคออย่างเต็มรูปแบบ โดยมี MG TF เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ หล่อด้วย ไฟหน้า LED Projector แบบ Laser Belt กระจังหน้าเรียวยาวพร้อมตรา MG ในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ต ล้ออัลลอยลาย Hacker Blade คาดว่าจะเป็นขนาด 19 นิ้วหรือ 20 นิ้วด้านท้ายแบบ Kammback ชุดไฟท้าย LED Red Wing ด้วยเส้นไฟที่เรียวเล็กดูชัดเจนสุดล้ำ ไฟเลี้ยวรูปทรงลูกศร สปอยเลอร์หลังที่ฝังตัวอยู่ในชิ้นเดียวกันลงตัวด้วยกันชนหลังเสริมลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำ และประตูรถออกแบบมาเปิดแบบปีกนกหรือ Scissor Doors

    โดยตัวรถมาในแบบโรสเตอร์เปิดประทุนที่มีความยาว 4,535 มม. ความกว้าง 1,913 มม. ความสูง 1,329 มม. และระยะฐานล้อ 2,690 มม.

    MG

    ภายในปรับดีไซน์ให้ใช้งานง่ายจับสะดวกตามสไตล์แบบ “Digital Fiber” วางผังที่นั่งให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางออกแบบตำแหน่งที่นั่งแยกฝั่งซ้ายขวาออกจากกันแผงคอนโซลหน้ามีแผงจอแสดงดิจิทัลขนาดใหญ่ LCD เป็นทั้งมาตรวัดและจอสัมผัสในตัว พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสไตล์ Yoke-Style Steering หรือพวงมาลัยแบบครึ่งวง พร้อมปุ่มโหมดการขับขี่ Super Sport สีแดงไว้ด้วย คอนโซลกลางประดับด้วยแผงควบคุมต่างๆรวมถึงคันเกียร์และที่วางแก้วน้ำและเบาะนั่งสปอร์ตแบบ Zero-gravity Seat โดยรวมของภายในจะคล้ายกับรถมัสเซิลคาร์แดนมะกันอย่าง Chevrolet Corvette C8

    ขุมพลังเป็นแบบไฟฟ้าแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวมมากสุด 544 แรงม้า โดยมอเตอร์หน้าและหลัง ให้กำลัง 340 แรงม้า สามารถวิ่งไกลสุด 800 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ ชม. ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. และยังมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังมาด้วยให้กำลังรวมมากสุด 314 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 193 กม./ชม. แต่ยังไม่เผยข้อมูลความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนว่ามีความจุเท่าไหร่

    พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะชั้นสูง ด้วยระบบขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) เทคโนโลยีการอัปเกรดแบบ Active-upgrading และ Smart Cockpit และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3

    MG

    MG Cyberster เวอร์ชันขายจริงหรือ Production Car ออกแบบโดย MG Advanced Design Center ประเทศอังกฤษ คู่แข่ง Alpine A110 EV เข้าสู่การสายการผลิตแล้วและจะเปิดตัวในงาน Shanghai Auto Show 2023 ระหว่างวันที่ 18-27 เมษายนนี้ ส่วนเมืองไทยเข้ามาจำหน่ายในปี 2024

    ที่มา Carscoops

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts