More

    MG3 2024 มาครบทั้งเบนซินและไฮบริดเปิดขายออสซี่ เริ่ม 585,000 บาท

    เรียกว่าเป็นการตัดหน้าเมืองไทยอย่างจังเมื่อ MG ออสเตรเลียเปิดตัว MG3 แฮทช์แบ็กเจนใหม่ที่มาครบทั้งเบนซินล้วนและขุมพลังฟูลไฮบริด

    MG MG3 ภายนอกเด่นด้วยหน้าตานำแรงบันดาลใจจาก MG4 Electric ด้วยช่องระบายอากาศดีไซน์เอกลักษณ์เฉพาะแบบ Digital Burning Grille ไฟหน้า LED ทรงเรียวเพรียวสปอร์ต โลโก้ MG อยู่ตรงชุดกระจังหน้าแบบทึบ ชุดกันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอกหน้าทรงกลมด้านข้างเส้นสายดูกลมกลืนประณีตพร้อมดีไซน์หลังคารถที่ลาดลงตามยุคสมัย กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูแบบดึงก้าน ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ลงตัวด้วยกันชนหลังทรงสปอร์ตพร้อมสปอยเลอร์หลังทำให้นึกถึง Honda City Hatchback และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายห้าก้านทูโทนพร้อมยาง 195/55R16

    ตัวรถแน่นอนว่ามาทรงท้ายตัดแฮทช์แบ็กด้วยความยาว 4,113 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,797 มิลลิเมตร ความสูง 1,502 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 148 และ 149 กิโลกรัม ความสูงจากใต้ท้องรถ 293 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,199-1,308 กิโลกรัม  และความจุถังน้ำมัน 36 ลิตรในรุ่น Hybrid และ 45 ลิตรในรุ่นเบนซิน

    MGภายในทันสมัยด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์สีดำลวดลายเพชรแผงประตูขึ้นรูปที่สวยงาม เบาะหลังพับได้แบบ 100% พร้อมพื้นที่สัมภาระมากถึง 293 ลิตรแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ไฮเทค พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันยกมาจาก MG4 Electric ติดตั้งจอคู่ประกอบด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 7 นิ้ว มีจอสัมผัสขนาดใหญ่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ขนาด 10.25 นิ้ว มีช่องเสียบ USB ลำโพง 6 จุด ถัดลงมาเป็นสวิตช์การทำงานที่จำเป็นช่องแอร์ดีไซน์หรู และเกียร์อัตโนมัติแบบปุ่มหมุน  Shift By Wire พร้อมเบรกมือไฟฟ้าและ Auto Hold ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART ที่ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี รวมถึงการเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายยิ่งขึ้น

    MGขุมพลังตามรายงานว่าจะเป็นเบนซิน 1.5 ลิตร Hybrid Atkinson-cycle รหัส 15S4C กำลังสูงถึง 102 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 128 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสามารถเร่งได้อย่างราบรื่นให้กำลังถึง 136 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุแบต 1.83 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า ให้ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8 วินาที ประหยัดสุด 23.26 กิโลเมตรต่อลิตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Three-speed พร้อมการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดได้สามโหมด Eco, Standard และ Sport สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียวๆ 80 กิโลเมตร และยังมีโหมดการขับขี่พิเศษ Hybrid+ เลือกได้แบบอัตโนมัติทั้ง EV, Series, Series and Charge, Drive and Charge และ Parallel

    และยังมีเบนซินล้วนขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังถึง 110 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาทีจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ประหยัดสุด 16.67 กิโลเมตรต่อลิตร

    MG พร้อมความปลอดภัยเต็มคันไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS กระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS ป้องกันล้อหมุนฟรี ควบคุมการลื่นไถล TCS ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS  ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง กุญแจนิรภัย Immobilizer ล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ทำงานร่วมกับเซนเซอร์กะระยะการจอด จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์

    และ MG Pilot ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ไม่ว่าจะเป็น ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) ช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)

    MG3เก๋งท้ายตัดจากค่าย MG ขาย 4 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Excite กับ Essence ทั้งเบนซินและฟูลไฮบริด ในราคา ไม่รวมค่า On Road $23,990-$29,990 หรือราว 585,000-734,000 บาท  มีทั้งหมด 7 สีทั้ง สีดำ Pebble Black, สีขาว Dover White, สีบรอนซ์เงิน Cosmic Silver, สีเหลืองPastel Yellow, สีแดง Diamond Red, สีเทา Hampstead Grey, สีน้ำเงิน Como Blue เตรียมมาเมืองไทยช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

     

     

    ที่มา CarSales

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts