หลังเปิดราคาที่ญี่ปุ่นกันไปแล้วสำหรับ Nissan GT-R รุ่นปรับโฉม ปรับครั้งที่สามในร่างเจเนอเรชันที่ 6 ถึงแม้จะอยู่กันมานานถึง 16 ปี
แต่ก็ยังได้รับการตอบอย่างดีจากขาซิ่งที่หลงใหลในความเร็วแรงทะลุไมล์กับหน้าตาที่ปรับคล้ายๆกับเวอร์ชันญี่ปุ่นในร่าง R35 เริ่มที่ด้านหน้ากระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมลาทีความเป็นรูปตัววี ไส้ในมีแนวตั้งซ้าย-ขวาลากมาถึงส่วนล่าง ประดับความดุดัน พร้อมตรา GT-R ประกบกับไฟหน้า LED ซ่อนฟังก์ชันปรับความสูงของไฟหน้าแบบ AFS เอาไว้ กันชนหน้าออกแบบใหม่พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่แบบรังผึ้งพร้อมเส้นแนวตั้งซ้าย-ขวาตำแหน่งเดียวกับส่วนบนของกระจังหน้าติดตั้งลิ้นสปอยเลอร์ใหม่เรียบเนียนกับชุดกันชนหน้า พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ทรงหกเหลี่ยมแนวนอน
ด้านท้ายปรับในส่วนกันชนหลังดูเหลี่ยมมีสันขึ้นออกแบบลิ้นสปอยเลอร์หลังใหม่พร้อมช่องระบายอากาศหลังใหม่กับท่อไอเสียกลมไทเทเนียม คู่ สองฝั่ง สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก LED ในตัว ดีไซน์เด่นทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ไฟท้าย LED ทรงโดนัทเอกลักษณ์เด่นล้ออัลลอยลายเดิม RAYS สีบรอนซ์ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต ขนาด 255/40ZRF20 สำหรับล้อหน้า และ 285/35ZRF20 สำหรับล้อหลัง
Nissan GT-R รุ่น NISMO เทคโนโลยีจากรถแข่งปรับปรุงแอไร่ไดนามิก ช่วงล่าง เพิ่มลิมิเต็มสลิปบริเวณที่เฟืองตัวหน้าใช้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่น้ำหนักแม่นยำสูง เช่น แหวนลูกสูบ ก้านสูบ เพลาข้อเหวี่ยง และฝากระโปรงหน้าทำจากคาร์บอนพิเศษเฉพาะของ NISMO เคลือบใส (พร้อมท่อระบายอากาศ NACA ที่ฝากระโปรง) และการตกแต่งที่พิเศษกว่าเร้าใจกว่า
ภายในคงเดิมแต่ปรับในส่วนโทนสีโดยเฉพาะรุ่น GT-R NISMO ได้เบาะนั่งแบบบัคเก็ตซีทตกแต่งลายคาร์บอนใหม่จาก Recaro นอกนั้นคงเดิมตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าออกแบบให้เชื่อมต่อกันกับแนวเส้นบนที่ยาวต่อเนื่องจนถึงแผงคอนโซลกลางระบบนำทางในชุดจอสัมผัส 8 นิ้ว แบบ Display Command Console ติดตั้งอยู่ตรงแผงคอนโซลกลาง พร้อมลำโพงคุณภาพ BOSE มากถึง 11 จุด และลดจำนวนสวิตช์เหลือเพียง 11 ปุ่ม เพื่อการใช้งานที่สะดวกขึ้น
พร้อมการตกแต่งเบาะนั่งหนังแท้ที่ต่างกันเข่นเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังกลับ ภายในหลังคาใช้วัสดุ Alcantara และสัญลักษณ์ T-spec บริเวณคอนโซล รุ่น Premium ใช้หนัง Nappa Leather ชั้นดี ตัดเย็บด้วยความประณีต โดยมีโทนสีให้เลือกถึง 3 สีทั้ง สีเทา Urban Grey สีแดง Amber Red และ สีดำ Samurai Black
ด้านขุมพลังคงเดิมกับเบนซินเทอร์โบคู่ V6 3.8 ลิตร VR38DETT 573 แรงม้าที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดมากสุด 637นิวตันเมตรที่ 3,300-5,800 รอบ/นาที ในรุ่น Premium, T-spec ส่วนรุ่น NISMO ปรับกำลังมากขึ้นเป็น 608 แรงม้าที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดมากสุด 652 นิวตันเมตรที่ 3,600-5,600 รอบ/นาที เร้าใจมากขึ้นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD พร้อมระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ GR6 6 สปีด เมื่ออยู่ในโหมด R-Mode สามารถเปลี่ยนเกียร์ในเวลา 0.15 วินาที พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้าตามความเร็วรถ
สำหรับ Nissan GT-R MY2024 นี้ในรุ่น Premium ปรับปรับแอโร่ไดนามิกใหม่ ยกระดับคุณภาพการขับขี่ให้ดีขึ้น ปรับปรุงการเก็บเสียงและแรงสั่นสะเทือนให้เข้ามาภายในห้องโดยสารน้อยลง ส่วนรุ่น T-Spec ออกแบบฝาครอบเครื่องยนต์พิเศษสีทองและยังปรับปรุงสมรรถนะด้วยเบรกคาร์บอนเซรามิก ช่วงล่างแบบพิเศษ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและตอบสนองดีเยี่ยมและล้ออัลลอย RAYS สีทอง 20 นิ้ว
การจำหน่าย Nissan GT-R MY2024 สำหรับอเมริกามีกันสามรุ่นทั้งรุ่น Premium, T-Spec และรุ่น NISMO มีราคาจำหน่ายเริ่มต้น $122,885- $222,885 หรือราว 4,205,000-7,629,000 บาท ราคานี้ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย แต่ถ้ารวมภาษีฯจะอยู่ที่ 13,205,000-25,025,000 บาท ทางด้านเมืองไทยอาจได้พบกันในปีนี้
ที่มา Nissan