นับเป็นอีกหนึ่งโมเดลจากค่าย นิสสัน ที่แฟนๆชาวไทยเรียกร้องอยากให้มาขายในไทยหลังจากที่ได้วิ่งพรางตัวทดสอบในไทยนั่นคือ Nissan Serena
ล่าสุดทาง ประชาชาติธุรกิจ ได้เปิดเผยข้อมูลว่า Nissan เตรียมที่จะเปิดตัว Nissan Serena นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย คาดว่าอาจเป็นเจนใหม่รหัส C28 ภายนอกปรับดีไซน์ให้ทันสมัยขึ้นกระจังหน้ารูปตัววีดีไซน์เรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nissan กันชนหน้ารับเข้ากับกระจังหน้าอย่างลงตัว ไฟหน้า LED สามดวงแนวตั้งพร้อมปักชื่อ Serena บนขอบไฟหน้า ชุดกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้าดวงเล็กแบบ LED คิ้วด้านท้ายด้วยกันสองชุดเริ่มจากคิ้วเล็กปะชื่อ Serena และคิ้วใหญ่กรอบป้ายทะเบียน
ติดตั้งกันชนหลังแผงทับทิมแนวตั้งและสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ และไฟท้าย LED แนวตั้ง ที่ครอบทับฝาท้ายส่วนบนกระจกท้ายเสา C กับ D แบบตัววี เสา A มีกระจกขนาดเล็กแบบเดียวกับเจนที่แล้ว ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/65 R16 ตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,765-4,690 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,695-1,715 มิลลิเมตร ความสูง 1,870-1,895 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,670-1,850 กิโลกรัม
ภายในยังคงเป็นแบบสามแถว 7 และ 8 ที่นั่ง เบาะนั่งตอนที่สองสามารถเลื่อนได้ แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ที่ต่างจากเจนที่แล้ว มาตรวัดขนาดใหญ่พร้อมจอ MID ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับระบบความบันเทิง Infotainment พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ประตูสไลด์ เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาและปุ่มเกียร์อัตโนมัติในตัว
ขุมพลังที่นำมาขายในไทยอาจเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รุ่น MR20DD Mild Hybrid กำลังสูงถึง 150 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า SM 24 ให้กำลัง 2.6 แรงม้า แรงบิด 48 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT
พร้อมระบบ ProPILOT 2.0 หรือระบบช่วยขับกึ่งอัตโนมัติ ระบบช่วยบังคับเลี้ยวเพื่อหลีกเลี่ยงการชน” ควบคุมการบังคับเลี้ยวของผู้ขับขี่เมื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางด้านหน้า และ ProPILOT Parking พ่วงระบบหน่วยความจำที่สามารถบันทึกตำแหน่งที่จอดรถเมื่อจอดรถแล้ว Propilot Remote Parking ช่วยให้รถสามารถเข้าและออกได้ด้วยรีโมทคอนโทรล สามารถเข้าและออกจากพื้นที่จอดรถที่แคบๆแบบสบายๆ
Nissan Serena เตรียมเปิดตัวในไทยภายในปีนี้ คาดเร็วสุดเปิดตัวที่งาน Bangkok Motor Show 2024 ช่วงวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน หรือช้าสุดไม่เกินกลางปีนี้ ตั้งเป้าว่าจะขายไม่น้อยกว่า 1,500 คัน ส่วนเวอร์ชัน e-Power เตรียมขึ้นไลน์ผลิตในเมืองไทยที่โรงงาน บางนา-ตราด กม.22 ในช่วงปี 2025
ด้วยขุมพลังเปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์เบนซิน e-Power รหัส HR14Dde ที่พัฒนาจาก HR12DE มาขยายความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชักยาวขึ้นเป็น 78.0 x 100.0 มิลลิเมตร (เดิม 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร) ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM 57 Synchronous Motorให้พลังรวมเป็น 163 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion พร้อมระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction ขับเคลื่อนสองล้อหน้า ประหยัดสุด 20.7 กิโลเมตรต่อลิตร ตามมาตรฐาน WLTC
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ