More

    วงในเผย!! หน้าตารถยนต์ไฟฟ้าที่จะถูกสร้างโดย Apple มีแนวคิดต้นแบบมาจาก VW BUZZ

    อดีตบุคคลภายในของบริษัท Apple ได้เปิดเผย ว่า VW ID Buzz จะถูกนำเป็นหนึ่งในแนวคิดการออกแบบที่ได้รับการพิจารณาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของทางแบรนด์ ที่เคยถูกยกเลิกโปรเจคไปก่อนหน้านี้

    สำนักข่าว Bloomberg เผยโดย Mark Gurman นักข่าวผู้โด่งดัง ได้กล่าวถึงโปรเจคใหญ่ที่กำลังกลับมาอีกครั้งว่าทาง Apple ผู้ที่เคยล้มเลิกโปรเจคกเรื่องของการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า จากแบรนด์ ซึ่งเคยเผยแนวคิดการออกแบบบางส่วนที่วางแผนไว้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า นับตั้งแต่การพัฒนาเริ่มขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ว่าทางได้มีการลงทุนสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษในโครงการรถยนต์ดังกล่าว ซึ่งวางแผนไว้ว่าจะขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้พวงมาลัยหรือคันเร่ง แต่กลับเปลี่ยนแผนกลับเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ และได้พับโครงการทิ้งไปเมื่อเดือนที่แล้ว

    ต่อมามีรายงานว่ามีการวางแผนที่จะสร้างรถยนต์แนวคิดสำหรับ Apple อีกครั้ง โดยจะมีด้วยกันอย่างน้อย 5 แนวคิด รวมถึงแนวคิดที่ดูเหมือนกับว่าจะใช้ Volkswagen ID Buzz เป็นต้นแบบ ก่อนที่ค่ายยักษ์ใหญ่รถยนต์สัญชาติเยอรมันได้ชิงเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว

    Bloombergและ Gurman ได้เผยหนึ่งในแนวคิด ของ Bread Loaf ผู้ที่ได้สร้างรถยนต์ต้นแบบและนำเสนอให้ผู้บริหารระดับสูงอย่าง CEO Tim Cook เมื่อปี 2020 ที่สนามทดสอบในรัฐแอริโซนา ว่า ได้รับการอธิบายว่าเป็นรถขับเคลื่อนผู้คนแห่งอนาคตที่มีขอบโค้งมน แผงหน้าปัดด้านหน้าและด้านหลังเหมือนกัน “เพื่อให้ดูเหมือนคุณกำลังขับรถไปข้างหน้าเสมอ” และมีสีขาวบริสุทธิ์ทั้งคัน หลังคากระจก ประตูบานเลื่อน สีหน้าต่างที่ปรับได้ และล้อสีดำที่หุ้มด้วย ยางผนังสีขาว มีการเปรียบเทียบว่า ความคิดของ Bread Loaf มีความคล้ายคลึงกับรถยนต์ไลฟ์สไตล์จากบริษัท Canoo ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ

    ภายในมีพื้นที่สำหรับสี่คนในที่นั่งแบบเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ซึ่งสามารถแปลงจากที่นั่งปกติเป็นเบาะนั่งหรือที่วางเท้าได้ หรือหันหน้าเข้าหากันเหมือน เหมือนห้องรับแขก ซึ่งการออกแบบห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งตลอดทั้งโครงการ แม้ว่าแนวคิดทั้งหมดจะถูกกล่าวว่าเป็นแบบเรียบง่าย โดยมีแนวคิดตั้งแต่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่เพื่อแสดงวิดีโอและการโทร FaceTime ไปจนถึง “จอแสดงผลขนาด iPad ที่ห้อยลงมาจากหลังคา”

    แนวคิดอื่นๆ ที่เสนอสำหรับการตกแต่งภายใน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศที่จะเป่าลมไปตามด้านข้างของห้องโดยสาร แทนที่จะไปที่ใบหน้าผู้โดยสาร บวกกับระบบเสียงที่ “ทรงพลัง” และไมโครโฟนรอบคัน

    มีการใช้สแตนเลส ไม้ และผ้าสีขาว เช่นเดียวกับสีภายนอกที่จะใช้เพียงสีขาวเป็นทางเลือกเดียว ภายใต้ความต้องการของอดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Apple Jony Ive ได้มีความตั้งใจมานานแล้วว่าจะใช้เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 5 โดยไม่ต้องใช้พวงมาลัยหรือคันเร่งเลย

    มีการเสนอตัวควบคุมรูปแบบวิดีโอเกม หรือใช้แอป iPhone ในการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำเป็นเทคโนโลยีตัวช่วย คือการควบคุมรถระยะไกล กรณีหารถไม่เจอ หรือขี้เกียจเดินไปเอารถขณะฝนตก

    แนวคิดอื่นๆ สำหรับการออกแบบภายนอกเพิ่มเติม ก็จะเป็น “การกลับชาติมาเกิดใหม่ในยุค 50 ของ Volkswagen [Kombi]” ซึ่งพัฒนาเป็นเวอร์ชันที่ “ดูเกือบจะเหมือนกับรถต้นแบบอย่าง Volkswagen ID Buzz ปี 2017”

    รูปแบบที่สามของการออกแบบสไตล์ Kombi มีส่วนหน้าที่ดูดุดันมากขึ้น ก่อนที่จะพัฒนาเป็นแนวคิดสไตล์ Canoo ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับผู้บริหารในปี 2020

    นอกจากนี้ Apple ยังพิจารณาที่จะทิ้งประตูบานเลื่อนสำหรับประตู ‘Gullwing’ ที่คล้ายกับ Tesla Model X ในแนวคิดการออกแบบที่ 5 ซึ่งทาง Bloomberg อ้างว่า “มีจุดเด่นที่ด้านหน้าและด้านหลังโดยมีเส้นโค้งที่แปลกอย่างน่าทึ่งจนไม่มีที่ว่างสำหรับหน้าต่างด้านหน้าหรือด้านหลัง”

    สำนักข่าวรายงานว่า เมื่อแผนสำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 5 ถูกลดสเปคลง และมีการเพิ่มพวงมาลัยและคันเร่งกลับเข้าไป จึงจำเป็นต้องเพิ่มกระจกด้านหน้าและด้านหลัง

    ส่วนแนวคิดสุดท้ายซึ่งที่เรียกว่า I-Beam โดยบางคนที่ทำงานในโครงการนี้ มีที่นั่งหันหน้าไปทางด้านหน้า 2 ที่นั่งซึ่งสามารถหมุนได้

    หลังจากพัฒนามาเป็นเวลากว่าทศวรรษ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าโครงการดังกล่าวถือเป็น “จุดสร้างหรือจุดแตกหัก” ของโครงการนี้

    Bloomberg รายงานอีกว่าเมื่อการพัฒนารถยนต์ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2014 ก็มีแผนที่จะเข้าโชว์รูมในปี 2020 แต่ความล่าช้าและการเปลี่ยนแปลงย่อมหมายความว่าในท้ายที่สุด รถยนต์จะไม่บรรลุผลจนกว่าจะถึงปี 2028

    มีรายงานอีกว่าทางแบรนดได้พิจารณาข้อตกลงกับ Mercedes-Benz และ Ford เพื่อช่วยขายรถ และครั้งหนึ่งเคยพิจารณาซื้อ Tesla และ General Motors แต่ไม่มีข้อเสนอใดที่ประสบผลสำเร็จ

    มีการคาดการณ์ว่าทางแบรนด์ตั้งราคารถยนต์คันนี้เริ่มต้นที่ประมาณ 100,000 ดอลลาร์  หรือประมาณ 3.5 ล้านบาทปลายๆ ซึ่งสอดคล้องกับ Mercedes-Benz S-Class รุ่นท็อป แต่ก็ยังมีความกังวลจากฝ่ายผู้บริหารว่า รถยนต์ที่กำลังจะถูกสร้างนี้ จะสามารถทำกำไรให้พวกเขาได้มากน้อยเพียงใด 


    Cr: Bloomberg

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts