ตลอดปี 2024 CHERY GROUP พร้อมแล้วที่จะบุกเมืองไทยอย่างเต็มรูปแบบทั้งตัวสินค้า การขาย การตลาดและการบริการประเดิมรุ่นแรกนั่นคือ OMODA E5
ล่าสุดมีผู้ใช้ FB รายหนึ่งเผยภาพรถยนต์ OMODA E5 ติดป้าย QC แบบไม่พรางตัววิ่งทดสอบบนถนนแห่งหนึ่งในประเทศไทยท้าชน BYD ATTO3 ออกแบบภายใต้แนวคิดการสะท้อนตัวตนผู้ขับขี่คนรุ่นใหม่ ที่มีความทันสมัย มีสไตล์และชื่นชอบเทคโนโลยีแห่งอนาคต เริ่มที่กระจังหน้าทรงปิดทึบพร้อมตัวอักษร OMODA ขนาดใหญ่ติดขอบฝากระโปรงหน้าล้อมด้วยขอบไฟ DRL LED ซ้าย-ขวาโอบรับกับตัวรถถัดลงมาเป็นไฟหน้าแบบ LED matrix แนวตั้งซ้าย-ขวา หลังคารถออกแบบอย่างเฉียบขาดเทียบชั้นรถยุโรปพร้อมไฟท้าย LED แนวยาวประดับด้วยตัวอักษร OMODA
ล้ออัลลอยให้เลือกทั้งขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17และขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/55R18 ตัวรถด้วยความยาว 4,400 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,824 มิลลิเมตร ความสูง 1,588 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,630 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,444 กิโลกรัม
ภายในเหมือน OMODA C5 เครื่องสันดาปหรูเทียบชั้นกับคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น จอขนาดใหญ่ 2 จอที่รวมกัน 24.6 นิ้ว มาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ และจอสัมผัสอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบ Dual Screen ขนาดแต่ละฝั่งขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto ประมวลผลเร็วผ่าน Qualcomm 8155 พร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สาย ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry สามารถสั่งสตาร์ทรถด้วยกุญแจรโมทได้หรือ Remote engine start เบาะนั่งหุ้มกึ่งหนังแท้ด้านคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง คนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สามารถพับได้ในส่วนของเบาะหลัง 60:40 โดยความจุด้านท้ายรถ 360 ลิตร มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 64 สี ลำโพงคุณภาพจาก SONY 8 จุด เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 และเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold
ขุมพลังที่ทำตลาดในไทยเป็นแบบไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบ Permanent magnet synchronous reluctance motor ขับเคลื่อนล้อหน้า ความจุแบตเตอรี่ 61kWh ที่ให้กำลังมากถึง 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุด 430 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มาตรฐาน WLTP หรือ 510 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมเทคโนโลยี EIC ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของยานพาหนะได้อย่างมาก การใช้พลังงานต่ำมากเพียง 15kWh ต่อ 100 กิโลเมตร
ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 7.6 วินาที โดยการชาร์จแบบชาร์จช้า AC รองรับสูงสุด 9.9 kW และชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 80 Kw ภายใน 35 นาที ได้ 30-80% พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 10 โหมด รองรับ V2L ได้ Vehicle-to-load ซึ่งทำให้มีพลังงานไฟฟ้าพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา และอำนวยความสะดวกต่อความต้องการพลังงานไฟฟ้าของผู้ใช้
มีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ และระบบช่วยผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และความปลอดภัยระดับ 5 ดาว ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของโครการประเมินรถใหม่ของยุโรป (E-NCAP) ทั้ง ถุงลมนิรภัย 6 จุด กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ควบคุมการทรงตัว EPS ตรวจวัดลมยาง TPMS ควบคุมการออกตัวบนทางลาดชัน HAC ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ตรวจจับมุมอับสายตา BSD ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง LKS เตือนและควบคุมรถออกนอกเลน LDW and LDP เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA ปรับความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control with Low Speed เตือนการชนด้านหน้า FCW และเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB ปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB และตรวจจับสมาธิในการขับขี่ DMS
OMODA E5 พร้อมเปิดตัวในไทยภายในปี 2024 คาดช่วงต้นปีนี้และอาจมี OMODA C5 HEV มาเสริมทัพ นอกจากนี้แบรนด์ JAECOO พร้อมทำตลาดด้วยการส่ง JAECOO 7 พื้นฐานของ CHERY Explore 06 ทำตลาดภายในปีนี้ และ JAECOO 8 ภายในปี 2025 ภายใต้บริษัท โอโมด้า แอนด์ เจคู่ ประเทศไทย จำกัด หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) บริษัทลูกของ CHERY Group เมืองจีน โดยได้เตรียมจัดหาสำนักงานในไทยซึ่งเคาะแล้วเป็นตึก G Tower พระราม 9 ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 แยก อสมท. จะแล้วเสร็จช่วงต้นปี 2024
ตั้งเป้ายอดขายในไทยช่วงแรกเป็น 18,000 คันต่อปีหวังจะสามารถขึ้นไปในกลุ่มท็อปทรีแบรนด์รถอีวีในไทยให้ได้ภายในระยะเวลา 5 ปีหลังการเปิดตัว พร้อมเปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในตลาดประเทศไทยโดยตั้งเป้าไว้ที่ 30 แห่ง จากดีลเลอร์ 15-20 รายครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและจังหวัดสำคัญของภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากนี้ทาง CHERY GROUP ได้เล็งเห็นความพร้อมและศักยภาพของประเทศไทยที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น เพราะประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยังเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและอยู่ในตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจโลกด้วยการเป็นสมาชิกองค์การความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศจำนวนมาก ทำให้ไทยพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาแห่งเอเชียและเป็นหนึ่งในตลาดเชิงยุทธศาสตร์ของ CHERY ตั้งเป้าเฟสแรกไว้ที่ 20,000 คันต่อปี คาดว่าโรงงานในไทยจะแล้วเสร็จช่วงไตรมาสที่ 3 หรือ 4 ของปี 2024และรุ่นแรกที่ประกอบนั้นเป็น OMODA C5
ที่มาภาพ I’m Tatchai และ carbuyer