น่าจะเป็นรถใหม่รุ่นแรกของค่าย ซูซูกิ ประเดิมเปิดตัวในปีมังกรกับ Suzuki XL7 Hybrid เอ็มพีวีเล็กพกพลังถ่านก้อนเล็กในเมืองไทย
สานต่อความสำเร็จจาก Suzuki Ertiga Smart Hybrid กับหน้าตายังคงเดิมเริ่มที่ ด้วยสีทูโทนในส่วนหลังคาเป็นสีดำตัดกับสีตัวรถ กระจกมองข้างสีดำ ให้ความรู้สึกเข้มและดุดันด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตสีดำผสมโครเมียม สอดรับกับไฟหน้า LED สามารถปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ มาพร้อม Daytime Running Light ไฟตัดหมอกหน้า ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน มาพร้อมไฟท้าย LED และไฟเบรกแนวตั้ง เติมความเข้มด้วยซุ้มล้อสีดำ พร้อมล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้วพร้อมยาง 195/60R16 รวมถึงราวหลังคาเพื่ออรรถประโยชน์ในการบรรทุกสัมภาระมากยิ่งขึ้น
ภายในตอบโจทย์ความสบายให้ทุกการเดินทางรื่นรมย์ขึ้นกับแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) รองรับการชาร์จโทรศัพท์มือถือได้หลากหลาย พร้อมด้วยกล้องบันทึกภาพด้านหน้ารถ (Digital VDO Recorder) ช่วยบันทึกเหตุการณ์ในการขับขี่ ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกสภาวะถนน บนพื้นฐานความสบายดั้งเดิมทั้งความสบายจากเบาะ 7 ที่นั่งที่ทั้งปรับเอนพับได้ 60:40 และเลื่อนได้สุด 240 มม. ในตอนสองและ 50:50 ในตอนสามเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ คอนโซลหน้าสปอร์ตวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber
เสริมด้วยคิ้วโครเมียม มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผล แจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ ทั้งยังเชื่อมต่อกับความบันเทิงด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว มาพร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิตอล เชื่อมต่อ Bluetooth การเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน Apple CarPlay, Android Auto รวมไปถึงช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI ที่บริเวณคอนโซลหน้า อีกทั้งช่องจ่ายไฟสำรอง 12V มากถึง 3 ตำแหน่ง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape 3 ก้านพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและการสั่งการสมาร์ตโฟน ทันสมัยด้วยระบบ Keyless Push Start และระบบ Keyless Entry ประตูเปิด-ปิดได้ โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมต รวมถึงกระจกมองข้างที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ให้ผู้ขับขี่สัมผัสความสะดวกสบายในการใช้งาน และครั้งนี้อาจเพิ่มระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
ขับเคลื่อนเร้าใจในการใช้งานประจำวันและต่างจังหวัดดอย่างสนุกสนานด้วยพลังเบนซิน 1.5 ลิตร รหัสเดิม K15B ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,462 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ X ช่วงชัก 74.0 X 85.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ทอร์คคอนเวอรเตอร์ พ่วงด้วยแบตเตอรี่ก้อนเล็กสุด Lithium lon 6Ah 12V จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก Integrated Starter Generator (ISG) ที่ช่วยเสริมกำลังเครื่องยนต์ถึง 3 แรงม้า แรงบิด 50 นิวตันเมตร ภายใต้ระบบไฮบริดที่ชื่อว่า Mild Hybrid (MHEV) หรือ SVHS (Suzuki Hybrid Vehicle System)
ระบบ Mild Hybrid หรือ SVHS (Suzuki Hybrid Vehicle System) กันก่อนโดยระบบนี้ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ISG (Integrates Starter Generator) เป็นทั้งไดชาร์จและไดสตาร์ทในตัวทำงานในส่วนต่างๆเพื่อเก็บพลังงานที่เหลือจากการขับขี่มาใช้งานเช่นขณะถอนคันเร่งหรือเบรก มาปั่นเป็นกระแสไฟฟ้ากักเก็บไว้ใช้งานในแบตเตอรี่และเครื่องยนต์หยุดการทำงานรวมถึงตอนออกตัว ส่วนการขับขี่ปกติและเร่งแซงเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน มีระบบเพิ่มแรงบิดชั่วคราวเพื่อให้ความมั่นใจในการแซง หรือ Torque Assisted Function ตอบสนองสมรรถนะการขับขี่ ช่วยในการเร่งแซงโดยทำงานร่วมกันทั้งแบตและมอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้เครื่องยนต์ทำงาน
ช่วงล่างได้รับการออกแบบและปรับแต่งเพื่อตอบสนองการขับขี่ได้ในทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยความสูงใต้ท้องรถ 200 มม. มาพร้อมระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า, ระบบเบรก ABS, ระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก รวมทั้งระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top tether กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์ เสริมความปลอดภัยด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
มีสีทูโทนให้เลือกถึง 2 สี สีทูโทน-ตัวรถสีส้มตัดกับหลังคาสีดำ และ สีทูโทน-ตัวรถสีขาวตัดกับหลังคาสีดำ ส่วนสีโมโนโทนยังจำหน่ายปกติทั้ง สีส้ม Rising Orange Pearl Metallic (ZZY), สีเทาเข้ม Metallic Magma Gray (ZYZ), สีขาว Pearl Snow White (ZQZ) และสีดำ Cool Black Metallic (ZBD)
พบตัวจริง Suzuki XL7 Hybrid ที่งาน Bangkok Motor Show 2024 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายนนี้ และสำหรับแฟนๆที่สนใจ XL7 เครื่องยนต์เบนซินล้วนทาง ซูซูกิ ปรับลดราคาลงจากเดิม 80,000 บาท เหลือ 734,000 บาท