เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับสปอร์ตเอสยูวีค่ายสามห่วงที่คิดถึงกับ Toyota C-HR เจเนอเรชันที่ 2 ที่ประเดิมตลาดที่แรกที่ยุโรป
ตั้งใจดีไซน์ตัวรถดีไซน์งานวิศวกรรมเพื่อชาวยุโรปด้วยดีไซน์ที่หล่อด้วยด้านหน้าอาจคล้าย Toyota Prius เจเนอเรชันที่ 5ไฟหน้า Full LED 4 ดวง รูปตัว C พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน กระจังหน้าเป็นทรงห้าเหลี่ยมมีช่องระบายอากาศ กันชนหน้าดีไซน์แปลกตาพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED คิ้วขอบล้อดีไซน์เข้ากันกับตัวถัง ล้ออัลลอยลายหรูขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R19 และขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 245/40R20 ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวและที่เปิดประตูคู่หลังกลับมาเป็นแบบเดียวกันตามหลักสากล กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูน
ด้านท้ายมาพร้อมสปอยเลอร์หลังดีไซน์เล่นระดับพร้อมหลังคาดำยาวมาจนถึงเสา C และด้านท้ายทั้งหมดพร้อมไฟท้าย LED แนวยาวติดตราตัวอักษร Toyota C-HR ด้านล่างเป็นตราสามห่วง พร้อมป้ายตรา HEV PHEV และ GR Sport รับกับกันชนหลังทรงสปอร์ต
สร้างจากแพลตฟอร์ม TNGA-C ขนาดตัวรถจะอยู่คั่นกลางระหว่าง Toyota Yaris Cross ที่เล็กกว่า C-HR และ Toyota Corolla Cross ที่ใหญ่กว่า C-HR เล็กน้อยสร้างจากแพลตฟอร์ม TNGA-C ขนาดตัวรถจะอยู่คั่นกลางระหว่าง Toyota Yaris Cross ที่เล็กกว่า C-HR และ Toyota Corolla Cross ที่ใหญ่กว่า C-HR เล็กน้อยตั้งแต่ ความยาว 4,360 มม. ความกว้าง 1,830 มม. ความสูง 1,558 มม.หรือ 1,564 มม. ระยะฐานล้อ 2,640 มม.
ภายในดูดีกว่า Toyota C-HR เจเนอเรชันที่แล้วด้วยชุดแผงคอนโซลหน้าออกแบบเป็นหนึ่งเดียวกับชุดแผงประตูมาพร้อมมาตรวัดดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วและจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ในชุดแผงคอนโซลหน้าจะแยกกันสองจอ พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน ถัดลงมาด้วยช่องแอร์ใต้จอสัมผัสแนวนนอนและช่องแอร์ทรงกลามซ้าย-ขวา พร้อมสวิตช์เครื่องปรับอากาศแบบ Dual Zone ชุดคอนโซลกลางดีไซน์แนวนอนพร้อมที่วางแขนมีที่ชาร์จไร้สาย คันเกียร์ดีไซน์สั้นจับกระชับ และจอแสดงผลเหนือคอนโซลหน้า Head Up Display และลำโพงคุณภาพจาก JBL
มาพร้อมความหรูหราด้วยไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สี หลังคาพาโนรามิกเต็มบานที่ปรับสไลด์ กระดกขึ้นไม่ได้ เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มกึ่งหนังแท้ หนังกลับ และผ้า พร้อมการเดินด้ายแต่ละสี และเบาะนั่งหลังพับได้ 60:40
ขุมพลังยืนยันแล้วว่าจะทำตลาดด้วย Plug In Hybrid ใช้ขุมพลังเบนซิน Dynamic Force Hybrid 2.0 ลิตร M20A-FXS พร้อมระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection ควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วไอดี VVT-iE electric variable valve timing 151 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาทีแรงบิด 190 นิวตันเมตรที่ 4,400- 5,200 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 163 แรงม้า พร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ขึ้น 13.6 kWh ทำงานร่วมกันให้พลังมากสุด 223 แรงม้า วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 66 กม. คู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.4 วินาที ขับเคลื่อนล้อหน้า
โดยรุ่นเสียบปลั๊กนี้ทาง Toyota เคลมว่าถ้าเติมน้ำมันเต็มถังและชาร์จไฟเต็มจะทำให้วิ่งไกลสุดรวม 1,250 กม.แถมมี Vehicle-2-Load (V2L) สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้ 1,500 W โดยจะเป็นรุ่นที่สามต่อจาก Toyota RAV4 และ Toyota Prius ที่ใช้ขุมพลังเสียบปลั๊ก
มีเบนซิน Hybrid เป็นขุมพลัง Dynamic Force นำมาจาก Toyota Prius เจเนอเรชันใหม่ เริ่มที่เบนซิน Dynamic Force Hybrid 2.0 ลิตร M20A-FXS พร้อมระบบฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection ควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วไอดี VVT-iE electric variable valve timing 151 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาทีแรงบิด 190 นิวตันเมตรที่ 4,400- 5,200 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า กำลัง 109 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังให้กำลังมากถึง 41 แรงม้า ในรุ่น AWD-i พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทำงานร่วมกันให้พลังมากสุด 198 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 8.1 และ 7.9 วินาที ขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ intelligent all-wheel drive (AWD-i) คู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
เบนซิน Hybrid 1.8 ลิตร 2ZR-FXE 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบ/นาที ภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ล้อหน้ารุ่น 1VM 95 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตันเมตร ได้แรงม้ารวม 140 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 9.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. ขับเคลื่อนล้อหน้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
สำหรับบางประเทศมีเบนซินล้วน Dynamic Force 2.0 M20A-FKS 171 แรงม้าที่ 6,600 รอบ/นาทีแรงบิด 202 นิวตันเมตรที่ 4,400- 4,800 รอบ/นาที ฉีดจ่ายน้ำมันโดยตรง D-4S direct injection และควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วไอดี VVT-iE electric variable valve timing จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT แบบ Direct Shift 10 สปีด พร้อม paddle shift
Super Coupe อย่าง Toyota C-HR เจนที่สองขายจริงสิ้นปีนี้สำหรับกลุ่มประเทศโซนยุโรป ส่วนออสเตรเลียมาต้นปีหน้า และรุ่นนี้จะประกอบที่โรงงาน Toyota ประเทศตุรกี
ที่มา Toyota