เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Toyota Corolla Cross รุ่นปรับโฉมและเป็นที่แรกของโลกกับหน้าใหม่หล่อใหม่ที่ได้ใช้ก่อนใครกับเอสยูวียอดนิยม
Toyota Corolla Cross รุ่นปรับโฉมเริ่มที่ ไฟหน้าแบบ LED ใหม่พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding พร้อมควบคุมการเปิด–ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ Follow-Me-Home พร้อมไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential บนขอบไฟหน้า กระจังหน้าตัวเด่นมีช่องระบายอากาศดีไซน์รังผึ้งพร้อมโลโก้สามห่วง สีเดียวกับตัวรถ พร้อมการตกแต่งกระจังหน้าแบบสีเทากับโครเมียม รับกับกันชนหน้าสีทูโทนพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED อยู่ตำแหน่งเดียวกับช่องะระบายอากาศด้านล่างใต้ตำแหน่งป้ายทะเบียน หลังคาพาโนรามิกมูนรูฟ แบบ Frameless ไฟท้าย LED Light Guiding สีขาวแดง และล้ออัลลอยลายหรูปัดเงาทูโทน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50R18 ในรุ่น HEV Premium และรุ่น HEV Premium Luxury
นอกนั้นคงเดิมทั้ง ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED กันชนหลังทรงสปอร์ต ราวหลังคา ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเซนเซอร์เปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated และล้ออัลลอยกับฝาครอบล้อขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R17 ในรุ่น Sport Plus
สำหรับรุ่น HEV GR Sport จุดเปลี่ยนคือไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding พร้อมควบคุมการเปิด–ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ Follow-Me-Home พร้อมไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential บนขอบไฟหน้า นอกนั้นคงเดิมทั้งแพ็กเกจชุด GR ประกอบด้วย กันชนด้านหน้า กระจังหน้า สเกิร์ตข้าง กันชนด้านหลัง ไฟท้าย ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ออกแบบเฉพาะ พร้อมสัญลักษณ์ GR Sport
ภายในปรับใหม่ตั้งแต่จอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาดใหม่ 10.1 นิ้ว รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ๆแทนขนาด 9 นิ้ว พร้อมกับ Wi-Fi รองรับการไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ช่องเสียบ USB Type C ไฟภายในแบบ LED สว่างทั้งคันและ ในรุ่น HEV GR Sport กับรุ่น HEV Premium Luxury มาพร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สาย และมาตรวัดดิจิทัลใหม่ TFT ขนาด 12.3 นิ้วแบบเดียวกับ Corolla ALTIS MY2023 ที่ขายในไทยสามารถปรับแต่งได้หลากหลายสไตล์ปรับได้ตามความชอบกับหน้าจอ 4 สไตล์ Casual, Smart, Tough, Sporty และเบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีแดงเข้ม Dark Rose และสีดำ ขึ้นกับสีภายนอก
ส่วนรุ่น HEV GR Sport สะท้อนความเป็น GR ด้วยการตกแต่งแผงคอนโซลหน้า สีดำ Piano Black พวงมาลัย และเบาะหนังเดินตะเข็บด้ายสีเงิน พนักพิงศีรษะและปุ่มกดสตาร์ทตกแต่งด้วยโลโก้ GR
พร้อมออปชันเดิมทั้ง พวงมาลัยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ปรับอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา ยกเว้นรุ่น Sport Plus พร้อมช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) พร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Entry) พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40 พนักวางแขนด้านหลัง พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุมากถึง 487 ลิตรที่วางแก้วน้ำ ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติและม่านบังแดดปรับไฟฟ้าในตำแหน่งหลังคาพาโนรามิกซันรูฟเฉพาะรุ่น HEV GR Sport และรุ่น HEV Premium Luxury
ขุมพลังสำหรับเวอร์ชันไทยยังคงเดิมเริ่มที่เบนซินไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE เพิ่มประสิทธิภาพไฮบริดเพื่อในการใช้เชื้อเพลิงที่ต่ำเพิ่มกำลังสูงถึง 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าชนิด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ไฮบริดชนิด นิกเกิลเมตัลไฮดราย ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์ (3 ชั่วโมง) เมื่อทำงานร่วมกันทำให้ได้แรงม้ารวมถึง 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า มีโหมดการขับขี่ทั้ง EV, POWER, NORMAL และ ECO MODE ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับน้ำมันสูงสุด E20
เบนซินล้วนขนาด 1.8 ลิตร Dual VVT- รหัส 2ZR-FBE ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift และ Shift Lock รองรับน้ำมัน E85 ช่วงล่างยังเป็นแบบด้านหน้ามาแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง คอยล์สปริง และช็อคแอบซอร์บเบอร์ทั้งหน้าและหลัง กับ พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ส่วนรุ่น HEV GR Sport ปรับช่วงล่างเฉพาะเน้นความเร้าใจทุกการขับขี่ด้วย พร้อมเหล็กค้ำตัวถังด้านล่าง และพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับใหม่ มอบความรู้สึกในการขับขี่ที่หนักแน่น มั่นคง พร้อมการบังคับควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำขึ้น
ความปลอดภัย Toyota Safety Sense ให้หมดตั้งแต่รุ่น HEV Premium, HEV Premium Luxury และ HEV GR Sport มีทั้ง All-Speed Dynamic Radar Cruise Control with Lane Tracing Assist ระบบควบคุมและปรับลดอัตโนมัติ ได้ถึง 0 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้ เมื่อไม่มีรถขวางหน้า พร้อมระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน, Lane Departure Alert with Steering Assist เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ, Pre-Collison system ความปลอดภัยก่อนการชน, Automatic High Beams ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ ใหม่!! เฉพาะรุ่น HEV GR Sport และรุ่น HEV Premium Luxury กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic view monitor) และช่วยเตือนขณะจอดรถพร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ PKSB
พร้อมออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ใหม่! สัญญาณกะระยะการจอดรถ หน้าและหลังอย่างละ 4 จุดในรุ่น HEV GR Sport และรุ่น HEV Premium Luxury พร้อมกล้องวีดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์หน้า-หลัง ในรุ่น HEV Premium และรุ่น Sport Plus ให้ สัญญาณกะระยะการจอดรถ หน้า 2 จุด หลัง 4 จุด ทุกรุ่นให้ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับมุมมองขณะถอยหลัง Reverse Link
ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน Hill-Start Assist Control สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน Emergency Brake Signal ป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control System) ควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System) กระจายแรงเบรก EBD พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน DSC สัญญาณเตือนการโจรกรรม TDS กุญแจนิรภัย Immobilizer กล้องมองภาพด้านหลัง ถุงลมเสริมความปลอดภัยรอบคัน SRS 7 ตำแหน่ง และแจ้งเตือนลมยาง TPMS ยกเว้นรุ่น Sport Plus
มาดใหม่พี่บึ้งสุดหล่อมีสีภายนอก 5 สี ได้แก่สีเทาใหม่ Cement Gray Metallic, สีเทา Celestite Gray Metallic, สีขาวมุก Platinum White Pearl เพิ่มเงิน 10,000 บาท, สีบรอนซ์เงิน Metal Stream Metallic และสีดำ Attitude Black Mica ส่วนรุ่น HEV GR Sport มี 3 สีได้แก่สี ขาวมุกหลังคาดำ Platinum White Pearl/Black roof เพิ่มเงิน 15,000 บาท, สีแดงหลังคาดำ Red Mica Metallic/Black roof เพิ่มเงิน 10,000 บาท และสีดำ Attitude Black Mica พร้อมรุ่นย่อยดังนี้
- รุ่น HEV GR Sport ราคา 1,254,000 บาท
- รุ่น HEV Premium Luxury ราคา 1,204,000 บาท
- รุ่น HEV Premium ราคา 1,094,000 บาท
- รุ่น Sport Plus ราคา 999,000 บาท