ยังเป็นรถขายดีในญี่ปุ่นสำหรับ Toyota Hilux หรือ Toyota Hilux REVO แม้จะเข้าสู่ยุครถปลายรุ่นอย่างเป็นทางการแล้วแต่ความแกร่งฉกาจยังคงเดิม
ล่าสุด Toyota เปิดตัว Toyota Hilux MY2024 ปรับออปชันด้วยการตัดกระจกส่องมุมข้างบังโคลนซ้ายออกไปในรุ่น Z ติดตั้งกล้องมองภาพรอบคันแบบ 360 องศา แบบ panoramic พร้อมฟังก์ชันระบบนำทางในจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว รองรับ Bluetooth, Apple CarPlay, Android Auto, T-Connect และช่องเสียบ USB พร้อมลำโพง 6 จุด นอกจากนี้ยังตัดรุ่นเริ่มต้น X กระทะล้อดำออกไป ภายนอกมีสีใหม่เป็นสีขาวมุก Platinum White Pearl Mica มาแทนสีขาว Super White II
เริ่มที่รุ่น GR Sport หน้าตาเดิมเหมือนเวอร์ชันไทยทั้งกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมสีเดียวกับตัวรถและดำพร้อมตัวอักษร Toyota ไฟหน้า Bi-LED กับไฟ LED Daytime ในโคมดียวกันพร้อมระบบ Follow Me Home ควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ รับกับกันชนหน้าทรงสปอร์ตกลมกลืมลงตัวพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟท้ายแบบ LED แบบเลข 3 Light Guiding ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง H/T ขนาด 265/60R18 ชุดการ์ดเสริมกันชนหน้าสีดำเมทาลิครวมถึงออกแบบบคิ้วขอบล้อสีเดียวกับตัวรถตกแต่งขอบบนคิ้วด้วยสีดำเมทาลิค กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวตกแต่งสีดำเมทาลิค เสาอากาศแบบครีบฉลาม สัญลักษณ์ GR Sport ที่ด้านข้างและบริเวณด้านท้าย
ภายในเหมือนสเปกไทยด้วยโทนดำสลับแดง ตกแต่งด้วยสีเงินรมดำ ติดตรา GR Sport เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ผสมหนังกลับแบบเจาะรูสีดำเดินด้ายสีแดง พนักพิงศีรษะติดตรา GR แผงคอนโซลหน้าและแผงช่องแอร์หน้า ตกแต่งด้วยสีเงินรมดำ สีดำเมทาลิค ส่วนแผงประตูขึ้นรูปสีดำบุหนังพร้อมแถบสีเงินรมดำและสีดำเมทาลิค พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังเดินด้ายแดง พร้อมตกแต่ง Center Mark สีแดงส่วนบนของพวงมาลัย กุญแจ Smart Key ปุ่ม Push Start และมาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูล TFT มีตราโลโก้ GR ทั้งหมด ปิดท้ายด้วยแป้นคันแร่งและแป้นเบรกตกแต่งด้วยสีเงินสปอร์ต
ทางด้านรุ่น Z หน้าเดิมตั้งแต่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยม พร้อมไฟหน้า Bi-LED โคมใหม่พร้อมไฟ LED Daytime ในโคมดียวกันรับกับกันชหน้าทรงใหม่กลมกลืมลงตัวพร้อมไฟตัดหมอหหน้าใหม่ดีไซน์กลมกลืน ล้ออัลลอยลายเข้มสีดำขนาด 17 นิ้วพร้อมยางขนาด 265/65R17 ไฟท้ายแบบ LED แบบเลข 3 Light Guiding ส่วนด้านท้ายทั้งฝากระบะท้ายและกันชนหลังยังคงเดิม แผงคอนโซลหน้าและแผงช่องแอร์หน้า ตกแต่ง ส่วนแผงประตูขึ้นรูปสีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มหนัง กุญแจ Smart Key ปุ่ม Push Start เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ช่องต่อไฟฟ้ากระแสสลับ AC 220V เบาะนั่งคนขับควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าปรับระดับ 8 ทิศทาง และมาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูล TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
ขุมพลังเหมือนสเปกไทยขายเครื่องเดียวด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.4 ลิตร 2GD-FTV 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Super ECT ลุยมั่นใจด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Shift-On-The-Fly มาพร้อมเทคโนโลยี i-ART ควบคุมการฉีดน้ำมันอัจฉริยะควบคุมแต่ละหัวฉีดอย่างอิสระแม่นยำด้วยเซนเซอร์คอมพิวเตอร์ ทำงานร่วมกับปั๊มคอมมอนเรล แรงดันสูง 250 MPa ปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาทีเป็น 680 รอบต่อนาที) สามารถลุยเส้นทาง Off-Road ได้อย่างมั่นคง ราบรื่น ไม่สะดุด และบังคับเลี้ยวแบบ VFC (Variable Flow Control) ปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมทุกช่วงความเร็วลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
ช่วงล่างใหม่ปรับแผ่นแหนบจากเดิม 5 แผ่นเหลือ 3 แผ่น พร้อมโช็กอัพเกาะถนนและนุ่มนวลยิ่งขึ้น เพิ่มสมรรถนะการบุกตะลุยส่วนแหนบ 5 แผ่นมาในรุ่น GR Sport พร้อม ดิสก์เบรกหน้าสีแดงตกแต่งสัญลักษณ์ GR ความปลอดภัยจัดเต็มทั้งระบบเบรก ABS ,EBD และ BA ถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด ควบคุมการทรงตัว VSC ป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ควบคุมการส่ายเมื่อต้องต่อส่วนพ่วงท้าย TSC ควบคุมความเร็วบนทางลาดชัน DAC ช่วยออกตัวบนทางลาดชั่น HAC โครงสร้างนิรภัยแบบ GOA และความปลอดภัยขั้นเทพ Toyota Safety Sense ด้วยระบบ Pre-Crash Safety ความปลอดภัยก่อนการชน เตือนให้รักษาตำแหน่งเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน Lane departure alert และป้องกันการออกตัวแบบผิดวิธี Drive Start Control
Toyota Hilux MY2024 ขายที่ญี่ปุ่นถึงสองรุ่นย่อยขับเคลื่อนสี่ล้อ ทั้งรุ่น Z และรุ่น GR Sport ในราคาเริ่มต้น 4,072,000- 4,312,000 Yen หรือราว 995,000 – 1,055,000 บาท ราคาที่แปลงจากเงินเย็นญี่ปุ่นนั้นไม่รวมภาษีนำเข้าของเมืองไทยแต่ถ้าขายในไทยราคารวมภาษีอยู่ที่ 3,117,000-3,305,000 บาท โดยเป็นรถนำเข้าจากประเทศไทย ประกอบที่โรงงานบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ที่มา Carwatch
