หลังจากที่ Honda Freed เปิดตัวเจนใหม่โดยเตรียมขายที่ญี่ปุ่นปลายเดือนมิถุนายนทำให้ Toyota ไม่รอช้าเปิดตัว Toyota SIENTA รุ่นปี 2024
หน้าตาคงเดิมทั้ง ไฟหน้า Bi-Beam LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED รูปทรงกลมในโคมเดียวกันและไฟหน้าฮาโลเจนให้เลือก กระจังหน้าเป็นแบบเส้นเดียวปะโลโก้สามห่วงแนวเดียวกับไฟหน้า พร้อมช่องระบายอากาศสองช่องบนล่างคั่นกลางด้วยชุดติดป้ายทะเบียนคาดไว้พร้อมขอบสีเงินและสีดำซ้าย-ขวาตามบุคลิกของรุ่นย่อย เสริมความเด่นไปอีกขึ้น
ด้านข้างออกแบบโค้งมนถึงอาจจะดูไม่สมส่วนเหมือน Toyota Sienta เจนที่แล้ว แต่เจนใหม่นี้เน้นกลุ่มครอบครัวมากขึ้นกับคิ้วสีดำขนาดใหญ่ติดมุมกันชนหน้าซ้าย-ขวา คิ้วชายล่างประตูขนาดใหญ่สีดำ ล้ออัลลอยลายทูโทนใหม่และกระทะล้อกับฝาครอบล้อเต็มขนาด 15 นิ้วพร้อมยาง 185/65R15 กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูน กระจกหูช้างในประตูหน้า เสา C ตกแต่งด้วยสีดำกับประตูสไลด์ที่เปิดได้สองฝั่ง ไฟท้ายเป็นแบบ Light Guiding LED ทรงตัวซี ขนาดใหญ่แนวเดียวกับกระจกหลังเสา D พร้อมคิ้วฝาท้ายปะโลโก้สามห่วงแบบเด่นสง่ารับกับกันชนหลังที่มีคิ้วสีดำมุมกันชนซ้าย-ขวาแบบเดียวกับกันชนหน้า และเสาอากาศเสาสั้นสีดำ
ตัวรถใหญ่ขึ้นกว่าเดิมด้วยจากพื้นฐาน TNGA-B (Toyota New Global Architecture, B-Segment) platform ความยาว 4,260 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร ความสูง 1,695 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
สำหรับรุ่น MY2024 เพิ่มออปชันเพื่อความสะดวกสบายทั้ง เพิ่มอุปกรณ์จ่ายไฟภายนอกสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งเมื่อเลือกเต้ารับตามที่กำหนดสำหรับออปชันประจำรุ่นฟูลไฮบริด Z, G และ X ในรุ่น Z ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาดใหม่ 10.5 นิ้ว พร้อมระบบนำทางในตัวจอ ในรุ่น Z และ G ติดตั้งระบบกล้องมองภาพรอบคัน ออปชันเสริมสำหรับดีลเลอร์ติดตั้งโคมไฟเพดานพร้อมระบบฟอกอากาศ Nanoe X ช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนได้ถึง 99% ใหม่!! กุญแจแบบ Digital Key ทำงานผ่านทางแอปพลิเคชัน T-Connect และ Toyota Account ซึ่งช่วยให้คุณใช้สมาร์ตโฟนเป็นกุญแจรถในการล็อกและปลดล็อกได้ โดยต้องสมัครและทำสัญญาผ่านทางแอปโดยเป็นออปชันมาตรฐานในรุ่น Z และ G ส่วนรุ่น X เบนซินล้วน เปลี่ยนมาใช้ ปุ่ม Push Start และกุญแจแบบ Smart Entry
ภายในแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมตั้งแต่แผงคอนโซลหน้า ที่มีช่องเก็บของใหญ่ขึ้น ที่วางแก้วสามจุด หุ้มวัสดุหนังสัมผัสโทนดำ น้ำตาล และส้ม ในชุดแผงคอนโซลหน้าสีดำ มาตรวัดมีให้เลือกทั้งแบบเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูล MID 7 นิ้ว และมาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอ MID 4.2 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านดีไซน์หรูปรับได้ สี่ทิศทาง จอสัมผัสขนาดใหญ่ ให้เลือกทั้ง 8 นิ้ว กับ 10.5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto เสริมระบบ T-Connect เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมเบรกมือไฟฟ้าและ Auto Hold เบาะนั่งมีให้เลือกทั้งแบบ 5 กับ 7 ที่นั่ง ปรับสูงต่ำได้แบบธรรมดาสำหรับคนขับ เบาะตอนสองพับได้แบบ 50:50 และปรับเอนนอนได้ และเบาะตอนสามปรับเอนและพับได้แบบขึ้นไปแขวนบนเสา C กับ D เช่นเดิม มีช่องเสียบ USB และกุญแจอัจฉริยะพร้อมปุ่ม Push Start หรือ กุญแจรีโมทแบบพับได้ในบางรุ่น
ขุมพลังให้เลือกทั้งเบนซิน Dynamic Force 1.5 ลิตร M15A-FKS 120 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิด 145 นิวตันเมตรที่ 4,800-5,200 รอบต่อนาทีจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-CVT 10 สปีดมีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า รักษ์โลกประหยัดด้วยเบนซิน Dynamic Force Hybrid M15A-FXE 1.5 ลิตร 91 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 120 นิวตันเมตรที่ 3,800-4,800 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Toyota Hybrid System II (THS II) คู่ ด้านหน้าแบบ 1NM 80 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร กับด้านหลัง 1MM 2.2 แรงม้า แรงบิด 44 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่ Lithium-ion 6.5 Ah ให้กำลังรวมถึง 116 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT เลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four พร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม เสริมด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อและความปลอดภัย Toyota Safety Sense
Toyota SIENTA MY2024 พร้อม 2 สีใหม่ทั้งสีขาวมุก Platinum White Pearl Mica และสีเทา Dark Grey x Urban Khaki มาในราคาใหม่เริ่ม 1,995,200-3,234,600 Yen หรือราว 465,000-749,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าแต่ถ้ารวมภาษีแล้วจะอยู่ที่ 874,000-1,405,000 บาท มีทั้งหมดสามเกรดตั้งแต่รุ่น X, G และรุ่น Z ทั้งหมด 18 รุ่นย่อย
ที่มา Toyota
