ต้อนรับปีมังกรทองอย่างยิ่งใหญ่และมั่นคงสำหรับค่ายรถยนต์สวีเดนอย่าง Volvo ที่ยังเดินหน้าขายรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องโดยภายในปีนี้เตรียมพบกับ Volvo EX90
หลังจากเคยพรีวิวย่อยๆ Sneak Preview ไปเมื่อเกือบสองปีที่งาน Motor Expo 2022 และต้องเปิดตัวในปี 2023 และด้วยเหตุที่ซอฟต์แวร์ของระบบ LiDAR ยังไม่เสถียรยังคงต้องพัฒนาและทดสอบระบบนี้ต่อไปจนมั่นใจว่าใช้งานได้และเกิดผลกระทบต่อลูกค้าให้น้อยที่สุดหลังจากรับมอบไปทาง Volvo ตัดสินใจอีกรอบว่าจะขอเปิดสายการผลิต Volvo EX90 อีกครั้งไปเป็นช่วงกลางปี 2024 จากเดิมเป็นปลายปี 2023 ทั้งโรงงานประกอบที่เมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา สหรัฐอมเริกา และเมืองเฉิงตู ประเทศจีน
ครั้งนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวในไทยกับ Volvo EX90 ภายนอกหล่อด้วยกระจังหน้าทรงทึบติดตราโลโก้ Iron Mark พร้อมขอบฝากระโปรงหน้าที่หนากว่าเดิม ไฟหน้า LED ใหม่ดีไซน์เอกลักษณ์ “ค้อนแห่งเทพเจ้าธอร์” (Thor Hammer) ที่เปิดประตูดีไซน์ซ่อนรูปเนียนกลมกลืนกับตัวถังรถ มีหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ติดตั้งสคูปเล็กๆบนหลังคาซึ่งเป็นการทำงานของระบบ LiDAR ไฟท้าย LED รูปตัวซีล้ออัลลอยทูโทนลายแอโร่ห้าก้านขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางหน้า 265/45R21 และยางหลัง 295/40R21 กับขนาดใหญ่สุด 22 นิ้ว พร้อมยางหน้า 265/40R22 และยางหลัง 295/35R22
ตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม Scalable Product Architecture (SPA2) ดีไซน์ล้ำหน้ากว่ารุ่นอื่นๆของ Volvo ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเพียง 0.29 พร้อมมิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 5,037 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,964 มิลลิเมตร ความสูง 1,744 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,985 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 212 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 2,811 กิโลกรัม
ภายในทันสมัยด้วยคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่าย คลาสสิกแบบรูปตัวทียาวด้วยแผงช่องแอร์แนวนอนซ้าย-ขวา จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 14.5 นิ้วรองรับ Apple CarPlay ไร้สาย, Android Auto แบบ Android Automotive OS แสดงการนำทาง สื่อ ควบคุมโทรศัพท์ ตลอดจนข้อมูลอื่นๆ มี HUD บนแผงคอนโซลหน้าพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านดีไซน์ใหม่ แผงคอนโซลกลางที่ออกแบบใหม่ติดตั้งจอมาตรวัดแบบดิจิทัลบอกทั้งความเร็ว เส้นทางการขับขี่ ข้อมูลการจราจรและอื่นๆแนวนอนหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เบาะนั่งยังคงแบบ 3 ตอน 7 ที่นั่งที่สบาย มาพร้อมลำโพง B&W 25 ตัว รองรับ DOLBY ATMOS พร้อมไฟ Ambient Light ผ่านลายไม้
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ให้ความจุแบต lithium-ion ขนาดใหญ่ 111 kWh เลือกได้สองความแรงเริ่มที่รุ่น Twin Motor แรงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 585 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 5.9 วินาที สามารถชาร์จกระแสตรง DC 10-80 % ภายใน 32 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 250 kW เพิ่มระยะทางมากขึ้น 610 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW ภายใน 11.30 ชั่วโมงเพิ่มระยะได้อีก 41 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รุ่นแรงขั้นเทพ Performance 517 แรงม้า แรงบิด 910 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 4.9 วินาที สามารถชาร์จกระแสตรง DC 10-80 % ภายใน 32 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 250 kW เพิ่มระยะทางมากขึ้น 590 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW ภายใน 11.30 ชั่วโมงเพิ่มระยะได้อีก 39 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมความจุแบตเตอรี่ 104 kWh ให้กำลังสูงสุด 279 แรงม้า แรงบิด 490 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 580 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 8.4 วินาที สามารถชาร์จกระแสตรง DC 10-80 % ภายใน 32 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 250 kW เพิ่มระยะทางมากขึ้น 600กิโลเมตรต่อชั่วโมง และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW ภายใน 11 ชั่วโมงเพิ่มระยะได้อีก 43 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทั้งสามรุ่นทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมระบบ LiDAR หรือ Light Detection and Ranging ตรวจจับวัดระยะทางของวัตถุและคนเดิน โดยการใช้แสงเลเซอร์ไปกระทบกับวัตถุแล้วคำนวณระยะทางด้วยระยะเวลาทำงานได้เร็วระบบ Driver Understanding ระบบตรวจจับรูปแบบการมองเห็นและพฤติกรรมการขับที่ประกอบด้วย กล้องที่ซ่อนภายในสองตัว พวงมาลัยแบบ Capacitive คอยตรวจจับสัญญาณความเครียด ง่วงซึมหลับใน ความว้าวุ่น ฯลฯโดยจะเริ่มจากการเตือนจนถึงเพิ่มระดับจนถึงขั้นสูงตามสถานการณ์นั้นๆ ถ้าผู้ขับขี่ไม่สามารถขับรถต่อได้จะเปิดไฟฉุกเฉินและพารถไปจอดข้างทางอย่างปลอดภัยแล้ว
นอกจาก Volvo EX90 ที่จะเปิดตัวในไทยช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 นี้ ทาง Volvo เตรียมมีรุ่นปรับปรุงใหม่หรือ Model Year สำหรับรุ่น Plug In Hybrid อาจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะยุติการขายในปี 2025 เพื่อเน้นขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างเต็มรูปแบบ
ความสำเร็จของปี 2023 ยอดขาย Volvo ในไทยเพิ่มขึ้น 24% คิดเป็นสัดส่วนจากยอดขายรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ที่ 56% และรถ Plug In Hybrid คิดเป็น 44% จากยอดขายทั้งหมด โดย Volvo XC40 Recharge Pure Electric และ Volvo XC60 Recharge Plug-in Hybrid เป็นรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดของค่ายแต่ละกลุ่มทั้ง BEV และ PHEV และในปี 2024 ตั้งเป้ายอดขายเกินอีก 20% และ Volvo EX30 เตรียมส่งมอบในไทยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้
ยังมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศผ่านความร่วมมือกับ TES ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์ มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนยังมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของ (total cost of ownership) รถยนต์ไฟฟ้าและรถ Plug-in Hybrid Volvo ทุกรุ่น โดยจะแล้วเสร็จภายในปี 2024 ตั้งอยู่ที่ละแวกเดียวกับศูนย์ Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center บางนาตราด กม.23 และ ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre แห่งที่ 3 ภายในปีนี้ รองรับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง