เปิดตัวแล้วที่สหรัฐอเมริกาสำหรับ KIA Carnival รุ่นปรับโฉมเอ็มพีวีไซซ์ยักษ์ยอดนิยมทั่วโลกปรับครั้งแรกในรอบสี่ปีด้วยหน้าตาที่ล้ำยุคทันสมัย
KIA Carnival หน้าใหม่นำแรงบันดาลใจมาจากรุ่น Sorento ตั้งแต่ไฟหน้ารูปตัว T ประกอบด้วยไฟหน้า LED แนวตั้งพร้อมแถบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Daytime แบบ LED ลากยาวมาจากขอบไฟด้านข้างมาถึงด้านหน้าทั้งบนและล่าง กระจังหน้าลายเสือหรือ Tiger Face แบบขอบสีเงินพร้อมตราโลโก้ KIA ย้ายไปอยู่ขอบฝากระโปรง รับกับกันชนหน้ารูปตัว H พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED แทรกในช่องระบายอากาศส่วนล่างใต้ป้ายทะเบียนเสริมคิ้วกันชนหน้าสีเงินสไตล์เด่นและช่องระบายอากาศแนวตั้งสองฝั่ง กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/60R18 และขนาดใหญ่สีทูโทน 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55 R19 ไฟท้าย LED ออกแบบใหม่ทรงตัวทีเส้นแนวนอนกับตำแหน่งป้ายทะเบียนใหม่ พร้อมกันชนหลังใหม่ทูโทนเสริมคิ้วสีเงินและตัดที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง
ภายในอัปเกรดใหม่เห็นได้ชัดที่คอนโซลกลางได้รับการปรับปรุงให้ดูเรียบง่ายขึ้นโดยการลดจำนวนปุ่มการใช้งานฟังก์ชันต่างๆลง มีแผงสัมผัสแบบเดียวกับระบบควบคุมสภาพอากาศเหมือนกับ KIA รุ่นอื่นๆ เช่น Sportage, Niro และ Sorento เน้นเส้นสายสีเหลืองบนแผงหน้าปัดและการ์ดประตูหน้า ปรับเปลี่ยนกุญแจเป็นแบบดิจิทัล รองรับการอัพเดตแบบ over-the-air ที่ดีขึ้นจอคู่ขนาด 12.3 นิ้วทั้งมาตรวัดดิจิทัลดีไซน์ใหม่และจอสัมผัสความบันเทิงอัปเกรดระบบปฏิบัติการ ccNC ที่ Hyundai-Kia พัฒนาเอง ในชุดคอนโซลหน้า มีจอแสดงผลเหนือแผงคอนโซลหน้า HUD ขนาด 11 นิ้วและเซนเซอร์ลายนิ้วมือ และ
พร้อมออปชันเดิมทั้งระบบเสียงจาก BOSE® รอบคันถึง 12 ตำแหน่ง จุดชาร์จ USB ทั้งหมด 6 จุด Mood Light ที่แผงประตูด้านหน้า ซันรูฟไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติควบคุมแบบสัมผัสเย็นทั้งคัน ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านดีไซน์หรูหรา ประตูสไลด์ไฟฟ้า Smart Power Sliding Door
ประตูท้ายไฟฟ้า Smart Tailgate พร้อมระบบ Away-Auto Close สามารถเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อยืนอยู่ใกล้ตัวรถและปิดเองโดยอัตโนมัติเมื่อเดินห่างออกจากตัวรถพร้อม One-Touch Remote เพียงแค่กดปุ่มบนรีโมทค้างไว้ประตูสไลด์ไฟฟ้าและประตูท้ายจะเปิดพร้อมกันโดยอัตโนมัติ เบรกมือไฟฟ้าและ Auto Brake Hold องค์ประกอบเด่นที่ครองใจครอบครัวนั่นคือห้องโดยสารเลือกได้ทั้งแบบ 7-8 ที่นั่ง เบาะนั่งดีไซน์แบบ ‘ergo Motion’ เบาะโดยสารแถวสุดท้ายสามารถปรับพับเรียบได้สนิท Pop-up Sinking Seat เพิ่มพื้นที่สำหรับจัดเก็บสัมภาระปรับพับได้เพื่อเพิ่มพื้นที่มากถึง 2,905 ลิตร
ขุมพลังที่เตรียมจำหน่ายเป็นรุ่น Full Hybrid ยกมาจากรุ่น Sorento ด้วยขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร Smartstream G T-GDI 180 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,500 รอบต่อนาทีจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 73 แรงม้าที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที แรงบิด 264 นิวตันเมตรที่ 0-1,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ Active AWD พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 1.5 kWh ให้กำลังรวม 245 แรงม้า แรงบิด 367 นิวตันเมตร
ทางด้านสันดาปล้วนยังมีเบนซิน Smartstream V6 GDI 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 294 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 355 นิวตันเมตรที่ 5,200 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดและโหมดแมนวลในรูปแบบเกียร์แบบหมุน Dial Type–Shift by Wire (SBW) และเกียร์แบบคันโยก พร้อมความปลอดภัยรอบคันติดตั้งระบบ Highway Driving Assist 2 ซึ่งให้ความช่วยเหลือในการขับขี่แบบกึ่งอัตโนมัติ เทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือ DRIVE WiSE ซึ่งประกอบไปด้วย
ระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก Forward Collision-Avoidance Assist Junction Turning Function (FCA-JT) ช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ เมื่อมีรถยนต์ด้านหลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ขณะที่กำลังถอยรถ Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist (RCCA) ช่วยจอดรถอัจฉริยะ Remote Smart Parking Assist (RSPA) ป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง Safe Exit Assist (SEA)
ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Following Assist (LFA) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane Keeping Assist ช่วยเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่ออยู่ในจุดอับสายตา Blind-Spot Collision-Avoidance Assist หรือ กล้องมองภาพจุดอับสายตาเมื่อผู้ขับขี่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายหรือขวา Blind-Spot View Monitor (BVM) กล้องมองภาพรอบคัน Surround View Monitor (SVM) เซนเซอร์ช่วยจอด PDW (Parking Distance Warning) ถุงลมนิรภัยรอบคันรวม 8 จุด ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ที่มาพร้อมกับเบรก (ABS) ป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) และช่วยออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HAC)
รุ่นปรับโฉมของเอ็มพีวีแดนกิมจิเปิดตัวที่งาน Chicago Auto Show 2024 ตั้งแต่ 10-19 กุมภาพันธ์ ก่อนขายจริงปลายปี 2024 ส่วนเมืองไทยอ้างอิงจากไลน์ผลิตที่มาเลเซีย ตามแผนเดิมของทาง KIA Malaysia Sdn Bhd เตรียมที่จะประกอบรุ่นปรับโฉมภายในปีนี้แต่ล่าสุดยังไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องการปรับโฉมว่าจะมาช่วงไหน และไทยยังคงขายหน้าก่อนปรับโฉมไปก่อนในช่วงปีนี้
ที่มา Motor1