หลังจากที่ Mazda ไปต่อกับ Mazda CX-5 เอสยูวีเจเนอเรชันที่สามรุ่นยอดนิยมยอดขายทั่วโลกอันดับหนึ่งของค่ายรถเมืองฮโรชิมา
ล่าสุดนักออกแบบอิสระในโลกออนไลน์อย่าง enhance_vehicle เรนเดอร์ดีไซน์ว่าที่เจเนอเรชันใหม่ออกมาและอาจเป็นแนวทางในการออกแบบในอนาคตด้วยหน้าตาคล้ายกับ Mazda CX-5 เจเนอเรชันที่สอง รุ่นปรับโฉม ตั้งแต่กระจังหน้าทรง Signature Wing ปีกซ้าย-ขวาของกรอบสั้นลงโดยตัวกรอบกระจังหน้าแบบโครเมียมออกแบบไส้ในของชุดกระจังหน้าใหม่ให้หลากหลายทั้งลายรังผึ้งสีดำตาข่ายแนวนอนและตาข่ายแนวตั้ง
ไฟหน้า LED คู่ dual-beam LED พร้อมไฟ DRL LED รูปตัวแอลแนวนอน รับกับกันชนหน้ารูปตัววีแนวยาว พร้อมการ์ดเสริมสีเงินใต้กันชนหน้า คิ้วขอบล้อสีดำพร้อมล้ออัลลอยสีเงินลายเท่ กระจกมองข้างทรงสปูน หลังคารถที่ลาดลงและมีความคล้ายกับเจนที่แล้ว ส่วนด้านท้ายยังไม่มีข้อมูลของการเรนเดอร์
ตามข้อมูลนั้นยังคงเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือกเช่นเดิม พร้อมขุมพลังตัวเด่นทั้งเบนซิน SKYACTIV-G Turbo 2.5 ลิตร รหัส PY-VPTS โดยให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D มีระบบเทอร์โบแปรผันแบบ 2 ชั้นในรหัส SH-VPTS ขนาด 2.2 ลิตร 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 450 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที
เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร รหัส PE-VPS 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาทีและเบนซิน SKYACTIV-G 2.5 ลิตร รหัส PY-RPS 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 252 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ทั้งสี่ขุมพลังพัฒนาให้การตอบสนองที่รวดเร็วกว่าทุกรอบความเร็ว ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นโดยทุกขนาดความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด พร้อมระบบโหมดการขับขี่ Mazda Intelligent Drive Select (Mi-Drive) เพิ่มโหมด OFFROAD
และอาจมีขุมพลังติดถ่านก้อนเข้าไม่ว่าจะเป็นMild Hybrid และ Plug In Hybrid เข้ามาใส่โดยอาจเป็นขุมพลังที่ Mazda พัฒนาเองหรือไปหยิบยืมมาจาก Toyota จากยอดค่ายสะสมทั่วโลกล่าสุดนั้น ข้อมูลล่าสุดยอดขายสะสม Mazda CX-5 ทั้งสองเจเนอเรชันรวมทั้งหมด 3,967,400 คัน และปี 2023 ที่แล้วทำยอดขายทั่วโลกถึง 354,850 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 3 % และการเปิดตัวจะเปิดในปีหน้านี้
ที่มาภาพเรนเดอร์ enhance_vehicle