More

    MG HS 2025 คันจริงวิ่งทดสอบที่ยุโรปก่อนเผย 11 กรกฎาคม

    อีกไม่กี่วัน MG เลือกอังกฤษเป็นที่แรกของโลกเปิดตัวเอสยูวียอดนิยมที่ครั้งนี้ออกมาเป็นเจเนอเรชันที่ 2 กับ MG HS และเมืองไทยมีโอกาสที่จะเข้ามา

    MG

    ล่าสุดมีภาพหลุดออกมาเป็นรถทดสอบพวงมาลัยซ้ายแบบไม่พรางตัวที่ยุโรปสำหรับ MG HS เอสยูวีเจนที่ 2 

    ภายนอก

    ครั้งนี้ที่ออกมาสไตล์สปอร์ตและยังนำพื้นฐานจากเพื่อนร่วมชายคา SAIC อย่าง Roewe RX5 มาเปลี่ยนตัวตนให้กลายเป็น MG ที่จะมาทำตลาดแทน MG Marvel R และ HS เจนเก่าปลายโมเดล ตัวรถใหญ่โต ดีไซน์หลังคาเพรียวลงถึงจะเป็นรถทรงกล่องหน้าตาถอดแบบมาจาก MG7 หรูด้วยไฟหน้า LED ทรงสปอร์ตด้านหน้าด้วยช่องระบายอากาศทรงรังผึ้งขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ MG ติดบนกระจังหน้าทรงทึบประกบไฟหน้า LED ทรงสปอร์ต ด้านข้างกลมกลืนด้วยเส้นสายลงตัว พร้อมกระจกมองข้างทรงสปูนที่เปิดประตูดึงก้าน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/60R18 และขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R19 ไฟท้าย LED แนวยาวครอบทับด้วยเส้นแนวนอนนอนและกันชนหลังโดดเด่น

    ตัวรถยืมพื้นฐานของ Roewe RX5 ด้วยความยาว 4,655 มิลลิเมตร ความกว้าง 1 ,890 มิลลิมเตร ความสูง 1,664 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,840 กิโลกรัม เมื่อเทียกับ HS รุ่นปัจจุบัน พบว่ายาวกว่า 81 มิลลิเมตร กว้างกว่า 14 มิลลิเมตร ความสูงเท่ากันและระยะฐานล้อสั้นกว่า 20 มิลลิเมตร

    ภายใน

    MGมีความเป็นไปได้ว่ายกมาจาก ROEWE RX5 ด้วยแผงคอนโซลหน้าติดตั้งจอคู่รวบรวมการทำงานของมาตรวัดดิจิทัลและจอสัมผัสระบบความบันเทิงมารวมกันขนาด 27 นิ้ว สามารถเลื่อนจอไปยังตรงกลางหรือเข้าหาฝั่งคนขับ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto รวมถึงระบบนำทางด้วยดาวเทียม มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงโดยไม่จำเป็นต้องใช้มือสัมผัส ประมวลผลเร็วด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านทรงท้ายตัด D-shape ใต้จอมีช่องแอร์เชื่อมต่อกับชุดคอนโซลหน้าอย่างลงตัว พร้อมหัวเกียร์คริสตัล เบรกมือไฟฟ้า และ AUTO HOLD  เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนังเบาะหลังพับได้แบบ 60/40

    MG

    ขุมพลังสันดาปยกมาจาก MG7 

    • เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส 20A4E ให้กำลังสูงสุด 261 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-3,500 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่งแรง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดของ ZF แต่เมื่อมาในร่างเอสยูวีอาจพัฒนาเพิ่มเรี่ยวแรงมากขึ้นเป็น 294 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร
    • เบนซินเทอร์โบแปรผัน VGT รหัส 15E4E ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 188 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ DCT 7 สปีดทั้งคู่มาพร้อมโหมดการขับขี่ได้แก่โหมด Normal, โหมด Eco, โหมด Sport, โหมด Super Sport แรงเหนือชั้น ประหยัดเหลือเชื่อ และปุ่ม X-Mode

    บางกระแสบอกว่าจะมีขุมพลัง Full Hybrid มาด้วย

    • เบนซิน 1.5 ลิตร Hybrid Atkinson-cycle รหัส 15S4C ยกมาจาก MG3 กำลังสูงถึง 102 แรงม้า แรงบิด 128 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังสามารถเร่งได้อย่างราบรื่นให้กำลังถึง 136 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุแบต 1.83 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 211 แรงม้า ที่ให้ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Three-speed พร้อมการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดได้สามโหมด Eco, Standard และ Sport สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียวๆ 80 กิโลเมตร และยังมีโหมดการขับขี่พิเศษ Hybrid+ เลือกได้แบบอัตโนมัติทั้ง EV, Series, Series and Charge, Drive and Charge และ Parallel

    MG

    ขุมพลัง PHEV ที่คาดว่าจะมาประจำการมีทั้ง

    • เบนซินเทอร์โบ 1.5 PHEV รหัส 15FDE จาก Roewe eRX5 ให้กำลัง 188 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์  พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สมรรถนะสูงแบบ Hairpin Winding Technology ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตรและ แบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล ขนาด 12.3 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 570 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 50 กิโลเมตรตามาตรฐาน WLTC หรือ 61 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC และชาร์จหนึ่งครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,050 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ​​EDU G2 Plus
    • เบนซินเทอร์โบ 1.5 PHEV DMH เจนเนอเรชันที่ 4 รหัส 15FDE จาก Roewe D5XDMH ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 235 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์ พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตรและ แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 21.4 kWh วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 135 กิโลเมตรตามาตรฐาน CLTC หรือ 105 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTC  และชาร์จหนึ่งครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,300 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ DHT-2 hybrid

    MG

    มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal, โหมด Eco, โหมด Sport, โหมด Super Sport เพิ่มประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น, โหมด EV สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้า 100% มีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Coolant System) และระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ระบบการบริหารพลังงานไฟฟ้าและสร้างกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์กลับสู่แบตเตอรี่ (Battery Management System)

    MG

    ติดตั้งระบบ MG PILOT ที่เป็นเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ ประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Automatic Emergency Braking)  เตือนการออกนอกเลน (Lane departure warning system) ควบคุมความเร็วตามป้ายจราจรอัตโนมัติ (Speed Assistance System) ตรวจจับจุดบอดด้านหลัง (Blind Spot Detection) กล้อง 360 องศา (Around View Monitor)

    เจนใหม่จะเปิดตัวในช่วงปี 2024 ประเดิมที่อังกฤษในงาน Goodwood Festival of Speed 2024 เปิดตัวในวันที่ 11 กรกฎาคม (งานจัดระหว่างวันที่ 11-14 กรกฎาคม) ที่ประเทศอังกฤษ แน่นอนที่สุดว่าเมืองไทยเปิดตัวอย่างแน่นอนคาดพบกันในปี 2025

     

    ที่มา CarNewsChina

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts