More

    อยากให้มาไทย! OMODA 7 สายลุยพลังปลั๊กอินวิ่งไกลกว่า 1.2 พันกม.

    OMODA และ JAECOO สองค่ายหรูในเครือ CHERY พร้อมบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบเพื่อสร้าสีสันให้กับวงการรถยนต์ด้วยการเปิดตัว OMODA 7

    OMODA

    OMODA 7 หน้าตาที่โดดเด่นนำสมัยเริ่มที่ไฟหน้า Full LED ดีไซน์ทันสมัยประกบกับกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมแบบลายเกล็ด 3 มิติ ในชุดกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ด้านข้างมีขอบฝากระโปรงหน้าหนาและมีพลังพร้อมหลังคารถสีดำ ราวหลังคาดีไซน์เป็นหนึ่งเดียวกับหลังคารถ

    กระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดีไซน์ย้อนยุคเหมือนรถยุค 90 เสา A ไปจนถึงเสา D ตกแต่งด้วยสีดำ กระจกตรงเสา D ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์พร้อมเกล็ดตรงขอบกระจก พร้อมคิ้วขอบล้อสีดำเข้ม ผสานกับคิ้วชายล่างประตู ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED แนวยาวสร้างสีสันด้วยรูปตัว เอ เอนสลับไปมาและมีลูกศรในโคมไฟท้าย  พร้อมกันชนท้ายดีไซน์เข้มแบบทูโทน และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R20

    ตัวรถใหญ่กว่า OMODA C5 ตั้งแต่ความยาว 4,621 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,872 มิลลิเมตร ความสูง 1,673 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร

    OMODAภายในล้ำอนาคตกว่ารุ่นพี่ OMODA C5 ไม่ว่าจะเป็นจอขนาดใหญ่ 2 จอ มีทั้งจอมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัลสี่เหลี่ยม และจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว คมชัดแบบ 2.5 K รองรับ Apple CarPlay กับ Android Auto ประมวลผลเร็วผ่าน  Qualcomm 8155พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า HUD ขนาด 8 นิ้ว  พวงมาลัยมัลติฟังกชันสองก้านทรงท้ายตัดหุ้มหนัง ในชุดแผงคอนโซลหน้าดีไซน์เรียบง่ายพร้อมช่องแอร์แนวยาว

    พร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สาย ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry สามารถล็อกและปลดล็อกรถอัตโนมัติเพียงเดินเข้าใกล้หรือเดินออกจากรถในระยะไกล เบาะนั่งหุ้มวัสดุกึ่งหนังแท้คู่หน้าปรับไฟฟ้า สามารถพับได้ในส่วนของเบาะหลัง 60:40 มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light

    ลำโพงคุณภาพจาก SONY 12 จุด เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold น้ำหอมปรับอากาศภายในเลือกได้ถึง 3 กลิ่น

    OMODAขุมพลังเป็นรุ่น Plug In Hybird เบนซินเทอร์โบไดเรคอินเจคชัน ขนาด 1.5 ลิตร รหัส H4J15 ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 2,500-4,000 รอบต่อนาที

    พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ให้กำลัง 176 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลัง 362 แรงม้า วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 95 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและถ้าวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำได้ 1,250 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการทำงาน 9 โหมด อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC และ กระแสตรง DC

    พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ทำงานร่วมกับเรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร 2 ระบบ และระบบเรดาร์คลื่นมิลิเมตรระยะไกล 1 ระบบ แม่นยำเต็มรูปแบบมากถึง 18 ระบบ ไม่ว่าจะเป็น ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go

    เตือนการชนด้านหน้าและหยุดรถอัตโนมัติ FCW & AEB (Front Forward Collision Warning & Autonomous Emergency Brake) เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring) ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

    เตือนก่อนเปิดประตูรถ DOW (Door Open Warning) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System) ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (EMERGENCY LANE KEEPING ASSIST)

    OMODAเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (TRAFFIC JAM ASSIST) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (EMERGENCY LANE KEEPING ASSIST)

    ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System) จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limter) อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)

    OMODAเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) กล้องมองภาพรอบคันแบบ 540° รวมถึงหลังคารถ ถุงลมนิรภัยรอบคัน 10 จุด รวมถุงลมนิรภัยคั่นกลางระหว่างเบาะหน้ากับใต้เข่าคนขับ เบื่องต้นเตรียมทำตลาดต่างประเทศช่วงปี 2025 ซึ่งตลาดละตินอเมริกาก็เป็นหมุดหมายใหม่ที่ท้าทายของ OMODA และ JAECOO แต่จะมีโอกาสเข้าขายไทยหรือไม่ต้องติดตาม

    ที่มา Quatrorodas

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts