คุณกำลังมีความคิดที่จะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคันหรือเปล่า? คุณกำลังมองหาที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันมาใช้หรือไม่? หากคุณมีความคิดดังกล่าวข้างต้น คุณมีความเข้าใจในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแค่ไหน? คุณรู้หรือไม่ว่ารถยนต์ไฟฟ้าคันใดเหมาะสมกับการใช้งานของคุณมากที่สุด? หากคุณยังไม่แน่ใจในหลายประเด็น วันนี้เรามีคำแนะนำมาให้ เพื่อให้คุณใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงกับ 5 ข้อควรรู้ ก่อนที่คุณจะเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน
- ความจุของแบตเตอรี่ และ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ
อย่างแรกที่คุณจำเป็นต้องดูคือ ขนาดความจุของแบตเตอรี่ ซึ่งมันจะมีผลต่อระยะทางที่รถวิ่งได้ หากคุณเป็นคนที่ใช้รถบ่อยหรือใช้รถเป็นระยะทางไกล ๆ คุณควรที่จะเลือกรถที่มีแบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่หน่อย เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการชาร์จไฟบ่อยครั้ง ซึ่งความถี่ในการชาร์จไฟนั้นยังมีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่อีกด้วย แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ใช้รถระยะทางสั้น ๆ หรือเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก คุณก็อาจจะเลือกรถที่มีแบตเตอรี่ความจุเล็กลงหน่อย ซึ่งราคาของรถนั้นก็จะถูกลงตาม
- ระยะเวลาในการชาร์จไฟ
การชาร์จไฟแบตเตอรี่นั้นแตกต่างจากการเติมน้ำมันโดยสิ้นเชิง มันใช้เวลานานกว่ามาก และเราควรจะชาร์จไฟเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องมาดูว่า รถที่เราต้องการจะซื้อนั้นสามารถที่จะชาร์จไฟแบบใดได้บ้าง? สามารถชาร์จไฟได้ทั้ง AC และ DC หรือไม่ ถ้าหากรถคันนั้นเน้นการชาร์จไฟ AC เป็นหลัก มันอาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จไฟครั้งหนึ่งจนเต็มแบตเตอรี่ แต่ถ้าหากรถคันนั้นสามารถชาร์จไฟ DC ซึ่งเป็นการชาร์จไฟแบบเร็วได้ คุณอาจจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที เท่านั้น อย่างไรก็ตามทางค่ายผู้ผลิตทั้งหลายต่างไม่แนะนำให้เจ้าของรถทำการชาร์จไฟ DC บ่อยครั้ง เนื่องจากมันมีผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่
- สถานที่ชาร์จไฟ และ ชนิดหัวชาร์จไฟ
หากคุณเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน แน่นอนว่าการชาร์จไฟที่บ้านได้นั้นน่าจะเป็นอะไรที่สะดวกสบายที่สุด ซึ่ง ณ ปัจจุบันรถหลาย ๆ ค่ายได้แถมอุปกรณ์ Wall Box ซึ่งเป็นกล่องชาร์จไฟที่ติดตั้งเข้ากับไฟบ้านได้ อย่างไรก็ตามหากคุณต้องออกไปชาร์จไฟนอกบ้าน คุณจำเป็นต้องรู้ว่าหัวชาร์จของแต่ละที่สามารถที่จะใช้กับรถของคุณได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะต้องเสียเวลาในการตระเวนหาสถานีชาร์จไฟที่สามารถต่อสายชาร์จเข้ากับรถของคุณได้
- ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟ
โดยปกติแล้วการคำนวณค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ หากใช้ไฟบ้านจะใช้ความจุของแบตเตอรี่คูณเข้ากับราคาต่อหน่วยในการใช้ไฟฟ้า อย่างเช่น แบตเตอรี่ความจุ 50 กิโลวัตต์ชั่วโมง ค่าไฟฟ้าหน่วยละ 4.2218 บาท หากชาร์จไฟตั้งแต่แบตเตอรี่เปล่าจนเต็มจะเท่ากับ 50 x 4.2218 = 211.09 บาท แต่ถ้าหากเป็นสถานีชาร์จไฟก็จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปอีก อย่างไรก็ตามค่าเฉลี่ยของค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟจะตกอยู่ประมาณ 0.5 บาท/กิโลเมตร ซึ่งแน่นอนว่ามันถูกกว่าน้ำมันที่มีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 1.5 – 3 บาท/กิโลเมตร
- ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงตามระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน เนื่องจากมันมีชิ้นส่วนที่ต้องได้รับการดูแลน้อยกว่า และไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่าง ๆ ตามระยะทาง อย่างไรก็ตามหากมีชิ้นส่วนใดส่วนหนึ่งชำรุดเสียหาย มันอาจมาพร้อมกับราคาที่น่าตกใจ โดยเฉพาะกับแบตเตอรี่ที่หากต้องเปลี่ยนแล้วอาจมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายในหลักแสนเลยทีเดียว ฉะนั้นคุณต้องคำนวณให้ดีระหว่างความเหมาะสมในการใช้งานกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น โดยการสอบถามข้อมูลจากค่ายผู้ผลิตรถที่คุณจะซื้อซึ่งน่าจะให้ข้อมูลกับคุณได้ดีที่สุด
โดยสรุปแล้ว ณ ปัจจุบันเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาทำให้ในบ้านเราเริ่มมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับไว้แล้วพอสมควร แน่นอนว่าข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าคือความประหยัดในการใช้พลังงาน ซึ่งมันจะไม่ทำให้คุณต้องมานั่งกุมขมับเหมือนกับการเติมน้ำมันที่มีราคาพุ่งสูงขึ้นในทุก ๆ วัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากความใหม่ของมัน ค่าใช้จ่ายในระยะยาวยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีใครสามารถให้รายละเอียดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณโชคไม่ดีต้องมาเจอกับปัญหาแบตเตอรี่ที่อาจทำให้คุณต้องเสียเงินหลักแสนก่อนที่จะถึงจุดคุ้มทุน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ