เรื่องบ้า ๆ อันน่าประหลาดใจมักจะเป็นอะไรที่คู่กันกับ Formula 1 อยู่แล้ว และในปี 2022 นี้ก็มีเรื่องบ้า ๆ มากมายเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้น F1 จึงได้คัดสรรออกมาเป็น 8 เรื่องนี้ ที่คาดว่าแฟน ๆ จะสามารถหยิบยกเอาไปคุยกันได้ทั้งวันเป็นแน่แท้
- การกลับมาของ ‘ไวกิ้ง’
สงครามที่ปะทุขึ้นมาระหว่างรัสเซียและยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อเก้าอี้ของ Nikita Mazepin นักแข่งรัสเซียน ดังนั้น Haas จึงต้องหาตัวแทนมาลงเก้าอี้เป็นการด่วน และหวยก็ไปออกที่ Kevin Magnussen
การกลับมาของนักแข่งชาวเดนมาร์กเป็นอะไรที่ฉุกละหุกเป็นอย่างมาก เขามีเวลาอันน้อยนิดในการเตรียมตัวก่อนที่จะลงแข่งขันสนามแรกของฤดูกาล แต่นั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งความกระหายของเขาที่ได้กลับมาแข่งขัน F1 อีกเป็นครั้งที่ 3 นักแข่งแดนคว้ากริดที่ 7 และเข้าเส้นชัยในอันดับ 5 ของสนามเปิดฤดูกาล Bahrain Grand Prix ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากกับรถแข่ง Haas ที่ปีก่อนหน้านั้นยังไม่สามารถเก็บแต้มได้เลย และนั่นถึงกับทำให้ทีมบอสอย่าง Guenther Steiner ตะโกนออกวิทยุสื่อสารด้วยความปิติยินดีว่า “นั่นเป็นการกลับมาของไวกิ้งที่โคตรสุดไปเลย”
- Alonso ชิ่งเก้าอี้ Alpine ไปซบ Aston Martin
การย้ายทีมกันของบรรดานักแข่งนั้นมักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างอยู่แล้ว แต่เคสนี้เลยเถิดไปไกลถึงขั้นหักปากกาเซียนกันเลยทีเดียว เมื่อ Alonso ประกาศย้ายทีมจาก Alpine ไปอยู่กับ Aston Martin
นักแข่งสแปนิชวัย 41 ปี นั้นต้องการสัญญาที่มากกว่า 1 ปี และนั่นเป็นสิ่งที่ต้นสังกัด Alpine อิดออดที่จะยื่นให้กับเขา ตรงกันข้ามกับ Aston Martin ที่จะเสีย Sebastian Vettel ไปหลังจบปี 2022 ดังนั้นพวกเขาจึงได้มองหานักแข่งที่มีดีกรีไม่น้อยหน้า Vettel ซึ่งก็มาได้ข้อสรุปเป็น Alonso อีกทั้งทางทีมยังยินดีที่จะให้สัญญาแบบหลายปี และนั่นทำให้นักแข่งสแปนิชตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
“ผมยังมีความกระหายและความทะเยอทะยานที่จะต่อสู้อยู่ในแถวหน้า และผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรที่มุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ พัฒนา และประสบความสำเร็จ” นั่นคือคำพูดของ Alonso ที่ตอบว่าทำไมเขาจึงตอบตกลงย้ายสังกัดไปยัง Aston Martin
- การชักกะเยอของ Piastri
การประกาศรีไทร์ของ Vettel นั้นได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ Alonso ได้ถูกดึงตัวไปแทนที่ Vettel ใน Aston Martin และ Alpine ได้ประกาศให้ Oscar Piastri นักแข่งในโปรแกรมเยาวชนของทีมขึ้นมาขับคู่กับ Esteban Ocon ซึ่งดูเหมือนว่าทุกอย่างจะลงตัวด้วยดี ยกเว้นเสียแต่ว่า Piastri ประกาศลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ของตนเองว่า เขาจะไม่ลงขับให้กับ Alpine
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ความจริงก็ได้เปิดเผยว่านักแข่งออสเตรเลียนได้เซ็นสัญญากับ McLaren ไปแล้ว เนื่องจากเจ้าตัวไม่มั่นใจในแผนการของ Alpine ที่จะให้เขาขึ้นเป็นนักแข่งตัวจริงในปีหน้าหรือไม่ นั่นทำให้เกิดการฟ้องร้องซึ่ง ‘คณะกรรมการการรับรู้สัญญา’ ก็ได้ลงมาตรวจสอบในเรื่องนี้ และตัดสินให้ McLaren เป็นผู้ได้ตัวแชมป์โลก F2 2021 ไป
- ครั้งแรกก็แตกเลยสำหรับ De Vries
คุณคิดว่า ‘โอกาสทอง’ จะถูกหยิบยื่นให้กับตัวคุณกี่ครั้งในชีวิต? สำหรับ Nyck de Vries เขาได้รับโอกาสทองให้มาลงขับ F1 เพียงครั้งเดียว แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับนักแข่งดัตช์ที่จะต่อยอดโอกาสจนตัวเองได้รับเก้าอี้ฟูลไทม์ในปี 2023
De Vries นั้นคว้าแชมป์โลกมาแล้วทั้ง Formula 2 และ Formula E แต่เขายังไม่เคยได้รับโอกาสในการขับ Formula 1 เลย ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าเสียดายมากอยู่เมื่อดูจากดีกรีของเขา อย่างไรก็ตาม ในปีนี้โอกาสของเขาดูเหมือนจะเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น หลังจากที่เขาได้รับการเลือกให้ลงทดสอบรถในรอบซ้อมแรกทั้งจาก Williams และ Aston Martin
แต่โอกาสทองฝังเพชรของเขาก็ได้มาในสุดสัปดาห์ที่ Monza เมื่อ Alex Albon นักแข่งประจำทีม Williams มีอาการป่วยจนไม่สามารถลงแข่งขันได้ ทางทีมก็ได้เลือกให้ De Vries มาลงแข่งขัน และเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป นักแข่งดัตช์ทั้งควอลิฟายและจบการแข่งขันในอันดับที่สูงกว่า Nicholas Latifi แถมยังเก็บแต้มได้จากการลงขับครั้งแรกเสียด้วย
แน่นอนว่าศักยภาพระดับนี้ย่อมเป็นที่ต้องตาของทีมแข่งหลาย ๆ ทีม ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมชาติอย่าง Max Verstappen, De Vries จึงได้รับเลือกให้มาเข้าสังกัด AlphaTauri ในปี 2023 แทนที่ Pierre Gasly ซึ่งจะย้ายออกไปยังสังกัด Alpine
- Leclerc โดนโทษหลังแข่งจบ ส่งให้ Verstappen เป็นแชมป์โลก
ในช่วงต้นปีเป็นช่วงเวลาที่ Ferrari และ Red Bull ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ทันทีที่เข้าสู่ครึ่งหลังของฤดูกาล Red Bull ก็ได้พลิกสถานการณ์ขึ้นมาเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าด้วยชัยชนะสนามแล้วสนามเล่า และนั่นทำให้การลุ้นแชมป์โลกต้องถูกตัดสินตั้งแต่สุดสัปดาห์การแข่งขัน Singapore Grand Prix อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่ย่ำแย่ของ Verstappen ที่สิงคโปร์ นั่นทำให้การตัดสินแชมป์โลกได้ถูกขยับมาที่ Suzuka
ถึงแม้ว่านักแข่งดัตช์จะขับขี่ได้อย่างไร้ที่ติ แต่ด้วยความที่ฝนถล่มลงมาและการขับขี่ที่รักษาตำแหน่งของตัวเองได้เป็นอย่างดี Charles Leclerc ป้องกันอันดับ 2 จาก Sergio Perez ได้อยู่หลายรอบเลยทีเดียว ซึ่งถ้านักแข่งโมเนแกสจบการแข่งขันได้ในอันดับนี้ แชมป์โลกก็จะยังคงไม่ถูกตัดสิน
แต่แล้วในรอบสุดท้าย ในช่วงชิเคนก่อนขึ้นทางตรงหน้าพิทเลน Leclerc เบรกพลาดทะลุโค้งออกไป ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะยังคงผ่านธงตาหมากรุกในอันดับ 2 ได้ แต่สจ๊วตพิจารณาแล้วว่าเขาได้เปรียบจากการหลุดโค้งออกไป ส่งผลให้นักแข่งโมเนแกสถูกบวกเวลา 5 วินาที ทำให้นักแข่งเม็กซิกันขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แทน สิ้นสุดการลุ้นแชมป์โลกไว้แต่เพียงเท่านี้
แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะมีการถกเถียงกันในแพดด็อกต่ออีกว่า กับการแข่งขันที่ไม่มีการวิ่งครบรอบจบสมบูรณ์ นักแข่งจะได้รับคะแนนเพียงครึ่งเดียวหรือไม่ นั่นทำให้ FIA ต้องออกมาแถลงในภายหลังเกี่ยวกับตัวกฎซึ่งยังคงมีช่องโหว่อยู่เล็กน้อย โดยได้ข้อสรุปว่ารายการ Japanese Grand Prix จะยังคงให้คะแนนเต็มจำนวนเช่นเดิม เป็นการยืนยันตำแหน่งแชมป์โลกของ Verstappen ที่คว้าในบ้านของ Honda ไปได้อย่างสวยงาม
- Magnussen พา F1 ตะลึงด้วยตำแหน่งโพล
เมื่อการลุ้นแชมป์โลกสิ้นสุดลงไปแล้วทั้งประเภทนักแข่งและทีม มันก็ไม่น่าจะเหลือเรื่องประหลาดใจอะไรให้แฟน ๆ ได้ลุ้นกันอีกแล้วในปี 2022 จนกระทั่ง Magnussen ซิ่งฝ่าฝนคว้าโพลแรกของตัวเองไปครองในการแข่งขัน Brazilian Grand Prix
ด้วยฝนที่ตก ๆ หยุด ๆ นั่นทำให้ทีมงานต้องกะเวลาในการให้นักแข่งออกไปวิ่งให้ถูกต้องที่สุด และมันเป็นจังหวะที่ยอดเยี่ยมที่ทีมงาน Haas ส่งนักแข่งแดนลงไปวิ่ง เพราะเมื่อเขาผ่านเส้นจับเวลาไปได้เพียงไม่กี่วินาที ฝนก็เริ่มเทหนาเม็ดลงมาและส่งให้ George Russell หมุนหลุดลงบ่อกรวดและเรียกธงแดงออกมา และฝนก็ยังคงตกลงหนาเม็ดขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะสิ้นสุดช่วงธงแดงแล้ว นั่นหมายความว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ หมดโอกาสในการทำเวลาเนื่องจากพื้นแทร็คเปียกโชกนั่นเอง
- Hulken-back
เรียกได้ว่าหนังเหนียวตายยากจริง ๆ สำหรับ Nico Hulkenberg เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขับ F1 แบบเต็มฤดูกาลมา 3 ปี แต่ในปี 2023 เขาจะได้กลับมาเป็นตัวจริงเสียที หลังจากที่ทำหน้าที่เป็น ‘ซูเปอร์ซับ’ อยู่หลายครั้ง
นักแข่งเยอรมันได้มาลงแข่งขันแทนที่นักแข่งตัวจริงอยู่หลายครั้ง และแต่ละครั้งก็ดีพอจนน่าเสียดายเสียด้วยซ้ำที่เขาไม่ได้เป็นนักแข่งตัวจริง ครั้งล่าสุดในการเป็นตัวแทนเกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ โดยเขาได้มาแทนที่ Vettel ใน Aston Martin ซึ่งติดโควิด และนั่นช่วยให้เขามีข้อมูลการขับรถแข่งเจนปัจจุบัน
ด้วยประสบการณ์อันล้นเหลือของ Hulkenberg เขาจึงได้รับการจับตามองจาก Steiner ซึ่งได้ตัดสินใจให้เขามาแทนที่ Mick Schumacher ในสังกัด Haas ปี 2023 และก็คงเป็นอีกครั้งที่นักแข่งเยอรมันจะต้องหาวิธีทำลายอาถรรพ์การไม่สามารถขึ้นโพเดียมของตัวเองได้ เพราะถึงแม้ว่าโอกาสในการขึ้นโพเดียมกับ Haas จะยากมาก แต่เราได้เห็นกันไปแล้วว่า Magnussen ยังสามารถคว้าโพลได้ถ้าหากมีโชคและโอกาสอำนวย
- Ricciardo คืนสู่เหย้า Red Bull
การแยกทางของ Daniel Ricciardo กับ McLaren นั้นมาถึงเร็วกว่าที่หลาย ๆ คนคาดการณ์เอาไว้ แต่นั่นยังไม่น่าประหลาดใจเท่ากับการที่นักแข่งออสซีได้กลับคืนสู่อ้อมอกของ Red Bull ทีมที่เขาจากมาหลังจบปี 2018 อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ Ricciardo มีข่าวลือพัวพันกับเก้าอี้ของ Haas และ Williams อย่างไรก็ตาม นักแข่งออสซีก็ปัดข่าวลือทั้งหมดตกไป ด้วยการยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาต้องการพักจากการแข่งขันหนึ่งฤดูกาล เพื่อที่จะสำรวจและสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง นั่นทำให้ตำแหน่งนักแข่งสำรองกลายเป็นเป้าหมายของนักแข่งออสซีไปโดยปริยาย
หลังจากที่เขา ‘หยอกเย้า’ อยู่กับ Mercedes อยู่สักพัก เขาก็ได้ตัดสินใจกลับคืนสู่บ้านเก่าของเขาที่มิลตันคีย์น โดยเขาจะรับงานในส่วนของซิมูเลเตอร์และการประชาสัมพันธ์ทางการตลาด ในขณะที่รอเวลาให้ไฟในตัวเขากลับมาลุกโชนอีกครั้ง
อ้างอิง : f1.com