วันนี้ Car2Day เราจะมาแนะนำวิธีจัดการตัวเองหรือรับมือกับคนหัวร้อนบนท้องถนน ที่จะทำให้เราสามารถขับรถได้อย่างสบายใจและปลอดภัยไม่เสียสุขภาพจิตนี้ได้ หรือหากต้องเจอเหตุการณ์ที่เป็นปัญหา จะจัดการอย่างไร ลองเอาไปปรับใช้กันดูจ้า
1.สุภาพและเป็นมิตรด้วยคำว่า “ขอโทษ” “ไม่เป็นไร”
วิธีเดียวที่จะสงบศึก การแย่งชิงบนถนนนี้ได้ คือคำว่า “ขอโทษ” หากเราต้องเจอกับคนหัวร้อนขึ้นมาทั้งที่เราไม่ผิด หรืออาจจะผิดสำหรับเค้า อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่ถึงขั้นชนกันรุนแรง ให้เราขอโทษแล้วยิ้มไว้ก่อน หรือใครมาปาดหน้าเราแล้วเค้าเอ่ยคำขอโทษมา เราก็เพียงแค่ตอบว่า “ไม่เป็นไร” จะช่วยให้สถานการณ์ไม่เลวร้าย ลดการปะทะขึ้นได้ ถึงแม้ในใจจะอยากสวนก็ตาม ยิ้มเข้าไว้ค่ะ หรือถ้าหากเกิดชนกันขึ้นมา เราก็ควรที่จะไปเจรจาอย่างสุภาพ ต่อให้คู่กรณีหัวร้อนมากก็ตาม เราก็ต้องสุภาพและเป็นมิตรเข้าไว้ก่อน เพื่อให้เค้าใจเย็นลง ไม่เกรี้ยวกราดสู้ ก็จะทำให้การไกล่เกลี่ยเป็นไปได้ง่ายขึ้น หาเหตุผลและข้อเท็จจริงเข้าไปพูดคุย
2.ตั้งสติขณะเร่งรีบ
หากมีเรื่องเร่งด่วนหรือต้องรีบไปจัดการ แต่รถคันหน้า คันข้างๆ ก็ขับช้าลีลากวนใจเหลือเกิน ก่อนอื่นเราควรที่จะตั้งสติให้มากที่สุด เพราะบนถนนนี้ไม่ใช่ถนนของเราคนเดียว เจอใครขับช้าชิดขวา เราก็ต้องหายใจเข้าลึกๆก่อน แล้วก็ค่อยหาจังหวะแซง อย่ารีบมากจนไปปาดหน้า หรือเบียดใคร เกิดชนขึ้นมา อาจจะทำช้ากว่าเดิมได้
3.มีน้ำใจต่อผู้อื่น
ส่วนตัวเราเองก็โหยหาน้ำใจบนท้องถนนเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราจะได้รับกลับคืนหรือไม่ก็ตาม เราก็ควรเป็นคนที่ขับรถสุภาพและมีน้ำใจ โดยที่ไม่ให้ใครมาว่าตามหลังได้ ใครจะเลี้ยวก่อน แซงก่อน ก็ให้เค้าไปก่อนได้เลย หากไม่รีบมาก หรือใครมีน้ำใจต่อเรา ก็ขอบคุณ ง่ายๆ แค่นี้ คือสิ่งที่ควรทำเพื่อความระมัดระวังและปลอดภัยต่อตัวเราและเพื่อนร่วมทาง แถมไม่เสียสุขภาพจิตด้วย ช่วยให้รู้สึกดีที่ได้เป็นผู้ให้อีกด้วย ลองทำดู ฟีลกู๊ดแน่นอน
4.พยายามหลีกเลี่ยงการใช้แตรรถ
หากไม่จำเป็นจริงๆ หรือไม่ฉุกเฉินมากจริงๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้แตรรถ เพราะเจ้าแตรนี่แหละที่เป็นชนวนในการพาให้หัวร้อนเลย ถึงจะเล็กน้อยหรือบีบนิดหน่อยก็ตาม คนจะหัวร้อนอะมันห้ามกันยาก ทางที่ดี ควรเปลี่ยนเป็นการเต๊าะไฟสูงเบาๆ เตือนเบาๆ ก็ได้เนอะ
5.หากำลังเสริมหากเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น
ชนเข้าแล้ว!!! ทำยังไง หากำลังเสริมด่วน หลังจากชนแล้ว ไกล่เกลี่ยเบื้องต้นกันตัวต่อตัวกับคู่กรณีแล้วไม่เป็นผลดี ควรโทรศัพท์เรียกประกันหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยไกล่เกลี่ยอีกแรง หรือทางที่ดีควรส่งพิกัดหาเพื่อนหรือแจ้งเหตุกับใครสักคนด้วยเพื่อให้ทราบตำแหน่งที่เกิดเหตุจะได้มีเพื่อนเป็นผู้ช่วยก่อนเจ้าหน้าที่จะมา หากคู่กรณีของเราหัวร้อนจนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ก็ให้เราอยู่เงียบแล้วรอกำลังเสริมของเรามาช่วย เพราะถ้าหากยังต่อปากต่อคำกัน อาจจะร้อนขึ้น จนเกิดขั้นทำร้ายร่างกายได้ ใจเย็นกันก่อน
6.ห้ามลงจากรถ อยู่บนรถปลอดภัยที่สุด
หากเกิดอุบัติเหตุในที่เปลี่ยว หรือเวลากลางคืน โดยเฉพาะผู้หญิงคนเดียวนี่ยิ่งต้องระวัง อย่าลงจากรถเด็ดขาด ล็อกประตูให้ดี เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นอุบัติเหตุที่ตั้งใจจัดฉากหรือไม่ รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกัน หรือคนใกล้ชิด ให้มาช่วยโดยด่วน ยิ่งหากโดนเคาะกระจก หรือคู่กรณีมาตะโกนด่ากราดใส่ที่ข้างกระจกรถ ถ้าดูเหตุการณ์แล้วเอาไม่อยู่แน่ๆ ก็ไม่ควรลงโดยเด็ดขาดนะคะ
7.ถ่ายรูป เก็บหลักฐาน
เมื่อเกิดการชนกันขึ้นมา สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเก็บหลักฐานของตัวรถ รวมไปถึงตัวบุคคลที่เป็นคู่กรณี ควรเก็บให้หมด ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ การอัดเสียง รูปภาพ ทะเบียนรถ รุ่นรถ ยี่ห้อรถ หรือหากคู่กรณีของเราหัวร้อนมากจนขาดสติ ก็ควรบันทึกไว้ให้หมด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิด ถึงแม้เราจะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม ก็ควรจะบันทึกไว้เผื่ออีกฝ่ายโกรธหนักมากจนถึงขั้นทำลายทรัพย์สินเสียหาย ด่ากราดเราเสียหาย ก็สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้เช่นกัน
8.ให้อภัยกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
หากเรื่องราวไม่หนักหนาสาหัสเกิน ให้อภัยได้ก็ควรให้อภัยกันไป จะเป็นการเฉี่ยวเล็กๆน้อยๆ ปาดหน้านิดหน่อย เราก็ควรขจัดอารมณ์เสียๆออกซะ ให้อภัยจะได้จบ เพื่อมุ่งหน้าไปทำสิ่งดีๆ จะได้รู้สึกดีไปทั้งวัน ไม่มาคิดมากกับเรื่องเล็กน้อยนะคะ
9.สร้างบรรยากาศ ความบันเทิงภายในรถ
อีกอย่างที่จะช่วยให้เราลดอารมณ์หัวร้อนของตัวเองได้ คือการสร้างบรรยากาศความบันเทิงในรถ ไม่ว่าจะเปิดเพลง ร้องเพลง หรือถ้ามีเพื่อนๆไปด้วย ยิ่งช่วยกันสร้างสีสันในรถให้ผ่อนคลายเวลารถติด หัวร้อนกันได้ แต่ในที่นี้ ก็อย่าอินหรือสนุกมากเกินไปนะคะ ต้องขับรถอย่างมีสติด้วย
นอกเหนือจากสิ่งที่ได้แนะนำไปให้นั้น ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนก็ควรที่จะขับรถตามกฎจราจร เป็นผู้ขับที่ดี ไม่ประมาท และที่สำคัญ “เมาไม่ขับ” นะคะ อย่าลืมมีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทางกันด้วย