การแข่งขัน MotoGP หรือ ‘รถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก’ เป็นการแข่งขันที่เก่าแก่ที่สุดรายการหนึ่ง มันถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 20 และถูกจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ภายใต้การควบคุมดูแลของ Fédération Internationale de Motocyclisme (FIM) นับตั้งแต่ปี 1949
ในรายการแข่งขันนั้นจะแบ่งคลาสออกเป็น 3 คลาส คือ Moto3, Moto2, และ MotoGP โดยรุ่นหลังสุดจะเป็นรุ่นที่ตัวรถมีความแรงมากที่สุด มีเทคโนโลยีล้ำสมัยสุด และแน่นอนว่าทีมแข่งในรุ่นนี้ก็ต้องใช้งบประมาณมากที่สุดด้วยเช่นกัน
เป็นเวลากว่า 74 ปี ที่จัดการแข่งขันกันมา ตัวแข่งนั้นก็ได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา ทำให้ทุกวันนี้ พวกมันนั้นทั้งเร็ว แรง และทุบสถิติสนามกันเป็นว่าเล่น แต่กว่าจะได้ตัวแข่งระดับนี้มา ทีมแข่งต้องใช้งบประมาณในการสร้างและพัฒนาพวกมันขึ้นมาไม่น้อยเลย ว่าแต่พวกมันมีค่าใช้จ่ายในส่วนไหนบ้างล่ะ?
- กระบวนการออกแบบและผลิต
ตัวแข่งที่ถูกสร้างมาเพื่อแข่งขันโดยเฉพาะ แน่นอนว่าทีมงานต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบขั้นสุด เพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด แต่ละชิ้นนั้นถูกผลิตออกมาอย่างประณีต ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์ ซึ่งจะถูกซีลปิดตลอดฤดูกาลแข่งขัน เพื่อไม่ให้ทีมงานทำการแก้ไขปรับปรุงใด ๆ ดังนั้น พวกเขาก็อาจจะทุ่มงบกับส่วนนี้ถึง 250,000 ดอลลาร์ เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องยนต์จะทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพไปตลอดทั้งฤดูกาล
- จำนวนที่ผลิต
หากคุณไปซื้อมอเตอร์ไซค์ที่ถูกผลิตออกมาเพื่อขายโดยเฉพาะ มอเตอร์ไซค์เหล่านั้นจะมีราคาถูกจากการที่โรงงานนั้นมีการผลิตชิ้นส่วนแต่ละอย่างออกมาเป็นจำนวนมาก แต่นั่นไม่ใช่กับการแข่งขัน MotoGP ซึ่งมีรถแข่งเพียงไม่กี่คัน และแต่ละคันก็ต้องการชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน คุณอาจจะนำมอเตอร์ไซค์ของคุณไปปรับแต่งระบบกันสะเทือนหน้า Ohlins โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียง 3,000 – 15,000 ดอลลาร์ แต่นั่นไม่ใช่กับ MotoGP ที่แค่ระบบกันสะเทือนหน้าก็ปาไปหลักแสนดอลลาร์แล้ว
- วัสดุสุดแพง
อยากเร็วก็ต้องเบา และอยากเบาก็ต้องเปลี่ยนวัสดุ ทีมแข่งมักจะใช้วัสดุน้ำหนักเบาพิเศษที่มีความแข็งแรงสูงอย่าง ไทเทเนียม, แมกนีเซียม, และ คาร์บอนไฟเบอร์ ในการประกอบรถแข่งขึ้นมา และแน่นอนว่าวัสดุเหล่านี้มีราคาที่ไม่ได้เบาเหมือนน้ำหนักตัวมันเลย ยกตัวอย่างเช่น คาร์บอนไฟเบอร์มีราคา 10 ดอลลาร์/ปอนด์ ในขณะที่เหล็กมีราคาเพียง 1 ดอลลาร์/ปอนด์ เท่านั้น
- เทคโนโลยี
สุดยอดรถแข่ง 2 ล้อ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกจะมีเทคโนโลยีระดับธรรมดาได้อย่างไร ระบบนิวเมติกส์ลม, ชุดเกียร์ซีมเลส, ชุดสั่งการควบคุมระบบต่าง ๆ, และยังมีเซนเซอร์อีกราว ๆ 40 ตัว เพื่อรวบรวมข้อมูลการทำงานต่าง ๆ บนรถมาเพื่อปรับปรุง เหล่านี้ล้วนต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายอย่างสูงทั้งสิ้น
- การสึกหรอ
ตัวแข่ง MotoGP นั้นใช้ส่วนประกอบเฉพาะสำหรับการแข่งขันซึ่งอยู่ภายใต้สภาวะที่รุนแรง ดังนั้น ชิ้นส่วนบางชิ้นอาจอยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ยาง ซึ่งถ้าเป็นรถบ้านทั่วไปก็อยู่ได้เป็นปี ๆ แต่ยางสำหรับ MotoGP ที่มีการปรับปรุงความเหนียวนุ่มซึ่งช่วยในเรื่องของการยึดเกาะ มันอาจใช้ได้เพียง 100 km เท่านั้น และนั่นส่งผลกระทบต่อราคาไปเต็ม ๆ นี่ยังไม่นับรวมการเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ชิ้นส่วนราคาแพงต่าง ๆ เสียหาย ทำให้ต้องมีการสำรองชิ้นส่วนราคาแพงเหล่านั้นจำนวนหนึ่ง
จากหลายปัจจัยในข้างต้น นั่นทำให้โดยรวมแล้ว ตัวแข่ง MotoGP จะมีราคาไม่ต่ำกว่า 2 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าหากตัวแข่งคันนั้นมีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าค่ายอื่น มันก็อาจทำให้ราคาตัวแข่งสูงขึ้นถึง 5 ล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว
สำหรับการแข่งขัน Moto2 และ Moto3 เนื่องด้วยเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่า MotoGP และมีความเป็นสเปกซีรีส์มากกว่า ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับตัวรถก็จะลดลงไปได้มากโข
ข้อมูลสเปกและราคาตัวแข่ง MotoGP
ตัวแข่ง : Ducati, Honda, KTM, Aprilia, Yamaha
ราคาตัวแข่ง : $5,000,000
ความเร็วสูงสุด : 361 km/h (224 mph)
ความจุเครื่องยนต์ : 1,000 cc
ราคาเครื่องยนต์ : $700,000
ราคายาง Michelin (ต่อเรซ) : $25,000
ราคาชิ้นส่วนอื่น ๆ : $40,000
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม : $25,000 – $200,000
ข้อมูลสเปกและราคาตัวแข่ง Moto2
ตัวแข่ง : Kalex, Forward, Boscoscuro
ราคาตัวแข่ง : $1,500,000
ความเร็วสูงสุด : 280 km/h (174 mph)
ความจุเครื่องยนต์ : 765 cc
ราคาเครื่องยนต์ : $300,000
ราคายาง Dunlop (ต่อเรซ) : $15,000
ราคาชิ้นส่วนอื่น ๆ : $25,000
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม : $15,000 – $125,000
ข้อมูลสเปกและราคาตัวแข่ง Moto3
ตัวแข่ง : Honda, KTM, Husqvarna, Gas Gas, CFMoto
ราคาตัวแข่ง : $1,000,000
ความเร็วสูงสุด : 244 km/h (152 mph)
ความจุเครื่องยนต์ : 250 cc
ราคาเครื่องยนต์ : $200,000
ราคายาง Dunlop (ต่อเรซ) : $15,000
ราคาชิ้นส่วนอื่น ๆ : $10,000
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม : $10,000 – $25,000
อ้างอิง : totalsportal.com , sportingfree.com