หลายคนอาจจะเคยเจอบ่อย ๆ สำหรับรถยนต์ไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ เมื่อขณะขับรถแล้วได้ยินเสียงดังแปลก ๆ มาจากเครื่องยนต์หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ รอบตัวรถ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่สร้างความไม่สบายใจให้แก่คนขับ จนเกิดความสงสัยว่าที่รถเสียงดังแปลก ๆ นี้จะส่งผลเสียอะไรกับรถบ้างหรือไม่ วันนี้เรารวบรวมสาเหตุอาการเสียงดังของรถและวิธีแก้ไขมาให้ดูแล้วครับ
1.เสียงดังตอนสตาร์ทรถ อาจเกิดจากแบตเตอรี่กำลังเสื่อมสภาพ
หากคุณบิดกุญแจสตาร์ทรถแล้วมีเสียงดังลากยาวกว่าเครื่องจะสตาร์ทติด มีความเป็นไปได้สูงว่าแบตเตอรี่ของรถคุณกำลังเสื่อมสภาพและใกล้หมดอายุการใช้งาน ซึ่งมักเกิดขึ้นได้บ่อยกับรถที่ถูกจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน เนื่องจากตัวแบตเตอรี่นั้นจะคลายประจุไฟตลอดเวลาในช่วงที่เราไม่ได้ขับ ทำให้ไม่มีกำลังไฟในการสตาร์ท ซึ่งถ้าหากคุณปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน แบตเตอรี่ก็จะเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมในที่สุด ดังนั้นคุณจึงควรใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อป้องกันปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมจากการจอดทิ้งไว้เป็นเวลานานครับ
2.เสียงดังจากพวงมาลัย อาจเกิดจากการที่ลูกปืนคอพวงมาลัยแตก
หากขับรถอยู่แล้วได้ยินเสียงดังกึกกัก หรือ เสียงแปลก ๆ จากพวงมาลัย หลายคนอาจคิดว่าไม่มีอะไร แต่อย่านิ่งนอนใจไปครับ เสียงนี้อาจเกิดจากการที่ลูกปืนคอพวงมาลัยแตก ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบแก้ไข ความเสียหายจะมากขึ้นจนทำให้เราไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยได้ และอาจเกิดอุบัติเหตุในที่สุด คุณจึงควรรีบนำรถเข้าไปตรวจเช็ก เพื่อหาสาเหตุและรีบแก้ไขโดยด่วน
3.เสียงดังจากเกียร์ อาจเป็นที่ระบบเกียร์ ของคุณมีปัญหา
หากคุณเข้าเกียร์หรือขยับเกียร์แล้วมีเสียงดังแปลก ๆ อาจเป็นไปได้ว่าระบบเกียร์ของคุณกำลังมีปัญหา คุณอาจลองตรวจเช็กน้ำมันเกียร์ดูก่อนว่ามีการเปลี่ยนถ่ายล่าสุดตอนไหน ยังมีน้ำมันเกียร์อยู่ในระบบเกียร์หรือไม่ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าน้ำมันเกียร์ของคุณเกิดรั่วออกไปจนหมด ซึ่งถ้าระบบเกียร์พังหรือเสียหายขึ้นมา คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์ยกชุด ฉะนั้นรีบนำรถไปตรวจเช็กสภาพเพื่อหาที่มาให้แน่ใจจะดีที่สุดครับ
4.เสียงดังเวลาเบรก เกิดจากผ้าเบรกของรถคุณกำลังเสื่อมสภาพ
หากมีเสียงดังเอี๊ยดเวลาเหยียบเบรก หรือรู้สึกว่าต้องเหยียบเบรกลึกกว่าปกติรถถึงจะหยุด ให้มั่นใจได้เลยว่าผ้าเบรกของรถคุณกำลังเสื่อมสภาพ ซึ่งคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่โดยด่วน เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบแก้ไขจานเบรกอาจเสียหายได้ โดยราคาของจานเบรกนั้นแพงกว่าผ้าเบรกหลายเท่า หากไม่อยากเสียเงินเปล่าโดยใช่เหตุก็รีบนำรถไปเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ให้เร็วที่สุดครับ
5.เสียงดังจากใต้ท้องรถ อาจเกิดจากท่อไอเสียหรือเพลากลางเสียหาย
หากมีเสียงดังจากใต้ท้องรถในเวลาขับขี่ เป็นเสียงที่คุณไม่คุ้นและไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียงนี้อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ท่อไอเสียหรือเพลากลางเสียหาย ซึ่งอาจเกิดจากจุดยึด จุดติดตั้งหลุด หรือขาดออกจากกัน แนะนำให้นำรถเข้าอู่เพื่อตรวจสอบหาที่มาทันที เพราะถ้าเกิดส่วนใดเกิดปัญหา เราจะได้แก้ไขทันครับ
6.เสียงดังขณะขับผ่านลูกระนาด อาจเกิดจากโช้คอัพมีปัญหาได้
เมื่อมีเสียงดังระหว่างที่คุณขับรถผ่านลูกระนาด ลงเนิน หรือตกหลุม อาจเกิดจากโช้คอัพมีปัญหา โช้คอัพรั่วซึมทำให้เกิดการเสียดสีภายในจนไม่สามารถคืนตัวได้ดีดังเดิม ซึ่งอะไหล่ชิ้นนี้จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ราว 3 ปี หรือไม่เกิน 100,000 กิโลเมตร หากความเสียหายไม่หนักมาก เราสามารถซ่อมได้โดยการอัดน้ำมันเข้าไปใหม่ แต่ถ้าความเสียหายหนักเกินไปก็ควรเปลี่ยนโช้คอัพใหม่จะดีกว่าครับ
7.เสียงดังจากยางรถ อาจเกิดจาก ยางเสื่อมสภาพ หรือดอกยางลึก
เสียงดังจากยางรถเวลาวิ่งนั้นอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ยางเสื่อมสภาพ ดอกยางลึกจนเกิดการอัดอากาศกับพื้นถนน หรือหน้ายางสึกไม่เท่ากัน หากคุณได้ยินเสียงเหล่านี้บ่อย ๆ ในทุกครั้งที่ขับ ให้ลองตรวจเช็กสภาพยางด้วยตัวเองดูว่ามีจุดผิดปกติที่ตรงไหนบ้าง หากพบว่าตัวยางมีอาการผิดปกติหรือไม่มั่นใจว่าเกิดจากอะไร ให้รีบนำรถไปตรวจเช็กเพื่อหาสาเหตุในทันทีครับ
รถยนต์ถือเป็นยานพาหนะที่มีปัญหาจุกจิกหลายส่วน ที่สามารถเกิดปัญหาขึ้นได้ตลอดเวลาแม้จะจอดทิ้งไว้เฉย ๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น เราจึงควรนำรถไปตรวจเช็กสภาพตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้นานที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียเวลานำรถออกไปซ่อมบ่อย ๆ หรือถึงขั้นต้องเปลี่ยนรถใหม่
