สำหรับคลิปทดสอบรถในสัปดาห์นี้เราจะพาคุณไปลองขับรถยนต์อเนกประสงค์จากค่าย Isuzu อย่างเจ้า Isuzu MU-X โมเดลล่าสุด ซึ่งถือเป็นรุ่นที่มีความเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรถตระกูล MU เลยก็ว่าได้โดยรุ่นที่เรานำมาทดสอบนั้นเป็นตัวท็อป 3.0 ultimate ขับเคลือน 4 ล้อ ซึ่งสมรรถนะจะเป็นอย่างไร จะมีจุดเด่น/จุดด้อยตรงไหนบ้าง..ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย
จุดเด่น
1.สำหรับดีไซน์ที่ยกระดับใหม่ทั้งหมดให้ดูดีหรูหราขึ้นมากกว่าทุกตัวในตระกูล ทั้งภายในและภายนอก ทั้งเส้นสายที่ดูแข็งแกร่ง สวย เฉียบ รวมทั้งจัดเต็มออฟชั่นที่ทันสมัยมากขึ้น หล่อขึ้นทั้งคัน เลยก็ว่าได้
2.ราคาที่เทียบกับสมรรถนะใกล้เคียงกันของตัวท๊อปจากคู่แข่ง นับว่าคุ้มค่าคุ้มราคากว่ามาก ค่าตัวเพียง 1.579 ล้านบาท เท่านั้น
3.ภายในห้องโดยสารดูดีขึ้น หรูขึ้น กว้างขวางนั่งสบายทั้ง 3 แถว เบาะที่นั่งสวยหรูด้วยสีน้ำตาลอมส้มตัดกับเดินเส้นด้ายสีครีมเพิ่มคลาสให้กับตัวรถ แถมติดตั้งไฟ Ambient Light เพิ่มแสงให้ดูเท่ยิ่งขึ้น ซึ่งรถคลาสนี้แทบไม่ค่อยมีให้เห็นสักเท่าไร บวกกับเสริมออฟชั่น ฟังก์ชั่นต่างๆ เพิ่มมาให้ไม่น้อยหน้าคู่แข่ง
4.เบรคมือไฟฟ้า Auto Break Hold ที่มีมาให้แล้ว รวมไปถึง Air Auto แยกปรับอุณหภูมิซ้ายขวา โดยปุ่มออกแบบมาคล้ายเปียโนคีย์ ซึ่งดูสวยหรูหรา ใช้งานง่ายขึ้น พวงมาลัย Muti Function ก็มีมาให้ครบทั้งระบบความปลอดภัย หน้าจอ INFOTAINMENT DISPLAY ขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับ APPLE CAR PLAY แบบไร้สาย และ ANDROID AUTO พร้อมลำโพง 8 จุด ให้มิติเสียงรอบทิศทาง
5. ระบบกันสั่นสะเทือนด้วย ช่วงล่างแบบอิสระ (Double Wishbones) ซึ่งส่งผลให้นั่งสะดวกสบายในการขับขี่ พร้อมเหล็กกันโครงที่ด้านหน้าและด้านหลังแบบ เซ็ตออกมาได้ค่อนข้างลงตัว ยึดเกาะถนนได้ดี บวกกับพวงมาลัยที่แม่นยำ ทำให้ขับผ่านโค้งได้เนียนๆ
จุดด้อย
1.การออกแบบให้ตัวรถมีขนาดใหญ่ อาจทำให้นั่งสบาย ห้องโดยสารกว้างก็จริง แต่พอเวลาใช้งานจริงยังไม่คล่องตัวเท่าไร โดยเฉพาะเวลาขับไปในเมืองหรือซอยเล็กๆ อีกทั้งพวงมาลัยก็ยังไม่เป็นแบบไฟฟ้าที่ช่วยผ่อนแรง ที่สำคัญยังต้องแบกภาระล้อขนาดใหญ่ 20 นิ้ว เวลาขับที่ความเร็วต่ำจะรู้สึกหนัก เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ใช้เป็นพวงมาลัยไฟฟ้า
2.ภายในห้องโดยสารดูเหมือนจะครบครัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ก็อาจจะยังด้อยกว่าอยู่ ทั้งหลังคาซันลูป หรือจอกลางบนหลังคาที่เอาไว้ให้ผู้โดยสารด้านหลังใช้เพื่อความบันเทิง และมาตรวัดที่แม้จะมีฟังก์ชั่นการตั้งค่าเยอะก็จริง แต่ปุ่มตั้งค่าหน้าจอ MID ยังใช้งานยาก มีแค่ซ้ายขวา ไม่มีขึ้นลง ใช้ครั้งแรกอาจจะงงหนักมากอยู่เหมือนกัน
3.เครื่องยนต์ใหญ่ที่ให้มาถึง 3.0 ลิตร แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ที่ใช้เครื่องบล็อกเล็กแต่ให้พละกำลังมากกว่า ยังมีอัตราเร่งตีนต้นพุ่งเร็วแรงกว่า ซึ่งถ้านับจากม้าที่นับจากการที่ต้องแบกตัวรถที่คันใหญ่ ช่วงออกตัวจึงต้องรอรอบเล็กน้อย ที่สำคัญอัตราสิ้นเปลือง ก็ไม่ประหยัดเท่าที่ควร ช่วงวิ่งใช้งานในเมืองก็ซดไปถึง 8-9 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าหากวิ่งยาวๆทางไกลเทียบเข้ามาถึง 11 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งถือว่ากินน้ำมันพอตัวเลย
4.ถึงแม้จะมีออฟชั่นเยอะกว่ารุ่นก่อนๆ ก็จริง แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ขาดหายไป อย่างเช่นกล้องรอบคันซึ่งควรมี เพราะรถคันใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับมีแค่กล้องหลัง กับเซ็นเซอร์รอบคัน 8 จุดเท่านั้น เช่นเดียวกับถุงลมนิรภัย มีเพียงแค่ 6 ลูก ซึ่งเทียบกับคู่แข่งส่วนใหญ่มี 7 ลูกในรุ่นตัวท๊อป
5.ระบบเตือนกันชนด้านหน้า ที่ตั้งค่ามาตรฐานให้ทำงานเร็วไปนิด แม้จะเปิดระยะไกลสุดแล้ว ไม่เหมาะกับสายซิ่ง ที่ชอบขับจี้ หรือเปลี่ยนเลนส์กระทันหัน ซึ่งถ้าขับแล้วรู้สึกอันตราย แนะนำให้เข้าไปปิดระบบ แต่ทางที่ดีควรเปิดเอาไว้ ทนรำคาญนิดหน่อย แต่ปลอดภัยมากกว่า หรือไม่ก็ซื้อรุ่นรองลงมาที่ไม่มีระบบนี้ก็ได้
สีตัวถังภายนอก รุ่น Ultimate มีให้เลือก 6 สี
สีน้ำตาล Marrakesh Brown
สีขาวมุก Dolomite White Pearl
สีแดง Etna Red
สีดำ Bavarian Black Mica
สีเทา Iceberg Silver
สีเงิน Bohemian Silver Metallic
รุ่นดีเซล 3.0 เทอร์โบ
3.0 ULTIMATE AT 2WD 1,479,000 บาท
3.0 ULTIMATE AT 4WD 1,579,000 บาท
สรุปแล้วจากที่ได้สัมผัสเจ้า All New Isuzu Mu-X คันนี้ ทางต้นสังกัดได้เปลี่ยนโฉมให้เป็นที่ยอมรับและทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ซื้อรถยาก และมีการตัดสินใจเยอะ มีการใช้ข้อมูลเปรียบเทียบกับคู่แข่งมากมาย ให้เปลี่ยนใจมาชื่นชมเจ้า Mu-X มากขึ้น ต้องบอกเลยว่าชั่วโมงนี้ สามารถท้าแข่งชนกับคู่แข่งได้ทุกค่าย
ชมคลิปการทดสอบ Isuzu Mu-x 3.0 Ultimate 4 WD