สำหรับใครที่เลี้ยงน้องหมาให้เป็นอีกหนึ่งสมาชิกคนสำคัญในครอบครัว คงปฏิเสธไม่ได้ที่เวลาต้องการเดินทางออกไปท่องเที่ยว แล้วไม่อยากจะปล่อยน้องหมาไว้กับร้านรับฝากเลี้ยงให้เป็นกังวล แต่ก็ยังพะวงว่าถ้าต้องเอาน้องหมาขึ้นรถไปด้วยแล้วเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จปลอดภัย หรือเมารถหรือเปล่า วันนี้เราจะพามาดูเทคนิคดีๆ ในการเตรียมพร้อมเอาน้องหมาขึ้นรถออกเดินทางไปด้วยกัน
เตรียมตัวให้พร้อม ทั้งเจ้าของ และน้องหมา
แน่นอนว่าสำหรับน้องหมาที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝน อาจสร้างความวุ่นวายระหว่างการเดินทางของคุณได้ และอาจทำให้ไปถึงจุดหมายได้ล่าช้า หรืออาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนใหญ่แล้วน้องหมาบางตัวเมื่อขึ้นรถแรกๆ ก็จะมีอาการตื่นเต้น แปลกที่ แปลกตา หรือคลื่นไส้ เมารถได้เช่นเดียวกับ หรือที่เรียกว่าอาการ Carsick ดังนั้นก่อนออกเดินทางเราควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งเจ้าของ และน้องหมา เริ่มต้นจากการฝึกน้องหมาของคุณให้เคยชินกับการนั่งรถทางไกล เช่น พานั่งรถออกไปใกล้ๆ บริเวณหมู่บ้านบ่อยๆ หรือจำเป็นจะต้องออกเดินทางฉุกเฉินก็อาจจะพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับยาแก้เมารถสำหรับสัตว์ โดยจุดนี้ต้องแจ้งกับทางสัตวแพทย์ก่อนว่าจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางกี่ชั่วโมง เพื่อจะได้เลือกระดับความแรงของตัวยาให้เหมาะสมกับน้องหมาของคุณ ที่สำคัญควรงดน้ำและอาหารป้องกันการอาเจียนก่อนสัก 2 ชั่วโมงนะคะ
หมั่นฝึกฝนน้องหมาบ่อยๆ เพื่อความเคยชิน
ถ้าไม่ทำให้น้องหมาเคยชินไปกับการนั่งรถแล้วล่ะก็ การเดินทางของคุณคงไม่ราบรื่นแน่ ดังนั้นควรฝึกบ่อยๆ ก่อนจะพาเดินทางไกล ฝึกฝน เตรียมร่างกายน้องหมาให้พร้อม ฝึกนั่งตามวิธีที่ถูกต้อง แรกๆ อาจจะวุ่นวายนิดนึง แต่ถ้าหากฝึกฝนบ่อยๆ จนเกิดความเคยชินแล้ว ก็จะทำให้การเดินทางกับสุนัขคู่ใจของคุณนั้นราบรื่น แฮปปี้ทั้งคนทั้งหมา และยังปลอดภัยไร้กังวลอีกด้วย
ได้เวลาออกเดินทาง
หลังจากที่เราได้ทำการฝึกฝนน้องหมาให้เคยชินและพร้อมออกเดินทางแล้ว คุณเจ้าของก็ต้องมาเตรียมอุปกรณ์สำหรับน้องหมาให้พร้อมเช่นกัน เนื่องจากการนั่งรถยนต์ น้องหมาก็ควรต้องมีการเซฟตี้ในส่วนของร่างกายไม่ต่างจากที่คนที่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเหมือนกัน พร้อมกับควรเตรียมอาหารเล็กๆน้อยๆ ไม่หนักมาก กันน้องปวดอึระหว่างทาง ก็อาจจะเป็นสแน็กที่ให้ไว้เคี้ยวเล่นเพลินๆ กับน้ำดื่มเพื่อคอยป้อนเป็นระยะ หรือจะเป็นของเล่นชิ้นโปรดไว้ให้ เพื่อลดความตึงเครียด ผ่อนคลายระหว่างทาง กรณีที่ต้องเดินทางไกลก็ควรแวะให้น้องหมายืดเส้นยืดสาย ไปปล่อยหนักปล่อยเบาเหมือนกันคนด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญอย่าปล่อยให้น้องหมากระโดดเพ่นพ่านบนตัวรถ เพราะอาจรบกวนผู้ขับขี่ จนอาจเกิดอันตรายกับทั้งตัวเจ้าของและน้องหมาได้ โดยมีการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา พบว่ามี 98% ของผู้ขับรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาที่มักนำน้องหมาขึ้นรถเดินทางไปด้วยเกือบทุกครั้ง และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีการคาดเข็มขัดนิรภัย หรือจำกัดจุดที่นั่งให้กับน้องหมา ส่วนนี้ถือว่าเป็นอันตรายมาก ดังนั้นเมื่อมีการนำน้องหมาออกเดินทางไปด้วย ทุกครั้งควรมีกรงที่แข็งแรงมากพอ หรือสายรั้งยึดน้องหมาให้แน่น แต่ก็ต้องไม่สร้างความอึดอัดให้เขาจนเกินไป เพราะน้องหมาอาจจะเครียดได้ อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ หรือไม่อยากขังน้องหมาไว้ในกรง ต้องพยายามหาสายล่ามแบบครึ่งตัว และนำไปล็อก คล้องไว้กับเข็มขัดนิรภัย ส่วนพื้นรองนั่งควรมีผ้าขนหนู หรือหมอนรองนิ่มๆสำหรับน้องหมาไว้ด้วย
สำหรับรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ที่มีพื้นที่ด้านหลังเพียงพอที่จะวางกรงน้องหมา หรือล่ามน้องหมาไว้ ก็ควรหาตาข่ายไนลอน หรือโลหะมากั้นระหว่างที่เก็บของกับเบาะหลัง และต้องแน่ใจว่าตาข่ายนั้นแข็งแรงพอที่จะรองรับแรงกระแทกได้
- การคล้องเข็มขัดนิรภัยเข้ากับห่วงสายจูงแบบเต็มตัว วิธีนี้เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ดื้อไม่ซนมาก ใช้ได้ทั้งพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่ โดยสายจูงนี้ก็จะทำให้น้องหมานั่งอยู่ในท่าเดียว และยึดติดอยู่กับเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่ง สำหรับวิธีนี้คุณจะต้องแน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะไม่ดิ้นไม่ซน
วิธีใส่: สอดเข็มขัดนิรภัย เข้าไปที่ห่วงสายจูงของน้องหมา แล้วเสียบลิ้นเหล็กของเข็มขัดให้เข้าที่ นำน้องหมาเข้าไปในตัวรถ แล้วใส่ห่วงสายจูงแบบเต็มตัวให้กับเค้า ปรับเข็มขัดนิรภัยและสายจูงให้เหมาะสม ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของคุณนั่งในรถได้อย่างสบาย
- คล้องเข็มขัดนิรภัยเข้ากับห่วงสายจูงแบบ Zipline ห่วงสายจูงแบบ Zipline ถูกออกแบบมาสำหรับสุนัขที่ active และเคลื่อนไหวมาก ทั้งซนและดิ้นแรง โดยตัว Zipline จะช่วยดึงไม่ให้สุนัขเคลื่อนไหวมากเกิน แต่ก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก ใช้ได้ทั้งพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่
วิธีใส่:คล้องสายจูงแบบ Zipline เข้ากับเข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลังรถเสียบลิ้นเหล็กของเข็มขัดให้เข้าที่ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ล็อคตำแหน่งไว้แล้วเรียบร้อย ปรับระดับสายจูงให้แน่นพอสมควร
ข้อควรระวัง
- ภาพที่หลายๆคน เห็นจนชินตา มักจะเห็นน้องหมาชอบยื่นหน้าออกนอกหน้าต่างเพื่อรับลม แต่เจ้าของควรรู้ไว้ว่าการปล่อยให้น้องหมาโต้ลมบ่อยๆ นั้น จะทำให้น้องหมาบาดเจ็บที่ตาได้ เนื่องจากปริมาณฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจจะเข้าไปทำให้ตาของน้องบาดเจ็บได้ หรือในน้องหมาที่ซนมาก อาจจะพลาดหล่นออกนอกตัวรถได้ อันนี้ต้องจับกันให้แน่นๆ เลยนะคะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องอุณหภูมิของน้องหมาด้วยที่คุณควรใส่ใจ ควรแง้มกระจกเป็นระยะ เพื่อรับอากาศธรรมชาติเข้ามาภายในรถบ้าง เนื่องจากน้องหมาไม่ชินกับอากาศภายในห้องโดยสารเท่าไหร่นัก และเพื่อให้ร่างกายน้องหมาได้ระบายความร้อนออก
- ห้ามปล่อยน้องหมาไว้ตามลำพังในรถเด็ดขาด ที่สำคัญหลักฐานเอกสารการฉีดพิษสุนัขบ้าควรนำติดรถไปด้วยเสมอ พร้อมกับควรแขวนปลอกคอ ที่มีป้ายชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของติดไว้ เพื่อป้องกันหากน้องหมาของคุณหลุดออกไปจากตัวรถ
หากทำตามคำแนะนำ และเทคนิคต่างๆ ข้างต้นหมดแล้ว เชื่อว่าการพาน้องหมานั่งรถท่องเที่ยวของคุณจะหลายเป็นทริปที่สนุก และได้รับความสุขตลอดการเดินทางอย่างแน่นอน