นับเป็นรถใหม่รุ่นที่ 2 ของค่าย AVATR ต่อจาก AVATR 11 เตรียมที่จะเปิดตัวในไทยในเวอร์ชันพวงมาลัยขวานั่นคือ AVATR 07
ภายนอก
AVATR 07 หน้าตาคล้าย AVATR 12 ออกแบบสไตล์ AVATR 2.0 design language โดนใจกับไฟหน้า LED ทรงสามเหลี่ยมล้อมกรอบไฟ DRL แบบ LED รูปตัวซี เหนืออีกมีไฟ DRL LED แบบเส้นแนวนอนสะท้อนความหรูอีกระดับกับโลโก้ของ AVATR เรืองแสง ช่องระบายอากาศในชุดกันชนหน้าที่กลมกลืนดูดี
ด้านข้างเด่นด้วยที่เปิดประตูเรียบเนียนกับตัวถังกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสากลและแบบกล้องมองภาพแทนที่กระจกมองข้างเป็นออปชันเสริมหลังคารถออกแบบมาโค้งลู่ลม กระจกหลังคารถออกแบบยาวจรดถึงท้ายเสริมกระจกหลังขนาดเล็กในชุดฝาท้ายติดตั้งสปอยเลอร์หลังซ่อนรูปไว้และมีขนาดใหญ่ยาวพร้อมเซนเซอร์ LiDAR อยู่บนหลังคา
ไฟท้าย LED เส้นแนวนอนลากยาวถึงตัวถังด้านข้างรับกับกันชนหลังเสริมลิ้นสปอยเลอร์หลังสีดำเข้มมีครีบรีดอากาศ ล้ออัลลอย ขนาด 21 นิ้วพร้อมยาง 265/45R21 และขนาดเล็ก 20 นิ้วพร้อมยาง 255/50 R20 ให้เลือกตัวรถสร้างจากแพลตฟอร์ม CHN พัฒนาโดย CHANGAN, CATL และ Huawei โดยมิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,825 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,980 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,620 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,940 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,240-2,434 กิโลกรัม
- ห้องเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้า 90 ลิตร
ภายใน
ภายในดูๆไปแล้วมีความคล้ายกับ AVATR 12 อยู่พอสมควรตั้งแต่ จอทั้งหมด 4 จอประกอบด้วย จอลอยขนาดใหญ่แนวนอนชัดแบบ 4K Panoramic Widescreen 35.4 นิ้ว มาตรวัดความเร็ว LCD 10.25 นิ้ว หน้าจอฝั่งผู้โดยสาร 10.25 นิ้ว มีจอสัมผัสแนวนอน 15.6 นิ้ว
พร้อมกล้องข้างรถทดแทนกระจกมองข้างแบบเดิมติดบนแถวกจอสัมผัสโค้งขนาด 6.7 นิ้ว 2 ฝั่ง ลำโพงรอบคัน 25 จุด กำลังขับ 2,016 W จาก Meridian ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 สี โดยพัฒนาร่วมกับ Huawei มีระบบปฏิบัติการ HUAWEI HARMONY OS 4.0 มาด้วยและที่ชาร์จมือถือไร้สาย 2 จุด
เบาะนั่ง 5 ที่นั่งทรงหรูหุ้มหนัง NAPPA สไตล์ Zero Gravity พร้อมฟังก์ชันนวดและระบายอากาศ ออกแบบตามสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะหลังพับได้มีพื้นที่มากถึง 1,325 ลิตรกรณีพับเบาะและ 500 ลิตร กรณีไม่พับเบาะผสมผสานกับความนุ่มและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทางด้านแผงประตู พร้อมที่ท้าวแขนบนแผงคอนโซลหน้าชุดเบาะนั่งและเสา B ใช้วัสดุหนัง PU วัสดุหุ้มหลังคาขึ้นรูปด้วยวัสดุหนังกลับเบาะนั่งหลังนั่งได้ 3 คน มีทั้งอุ่นเบาะ นวดหลัง พร้อมที่ท้าวแขนและปุ่มควบคุมการทำงานฟังก์ชันต่างๆในรถพร้อมช่องแอร์ด้านหลัง พร้อมด้วยม่านบังแดดไฟฟ้า โทนสีภายในที่สว่างและอบอุ่นอย่างเช่นโทนสีน้ำตาลครีม และม่านบังแดดไฟฟ้า
สมรรถนะ
ครั้งแรกของค่ายที่ทำตลาดสองรูปแบบทั้งแบบ REEV หรือ Range-Extended Range Electric Vehicle เปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าด้วยการใส่เครื่องยนต์ในการปั่นไฟและมอเตอร์ไฟฟ้าจับคู่กับแบตเตอรี่ใช้ในการขับเคลื่อน
พร้อมกับระบบไฟฟ้าวิ่งไกล Kunlun ที่พัฒนาโดย CHANGAN ควบคุมการขับขี่ในแต่ละสภาพถนนสามารถปรับแรงบิด ลดการเปลี่ยนคันเร่งและความถี่ในการเบรกลงถึง 60%ด้วยพลังเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร รหัส JL469ZQ1 ให้กำลัง 156 แรงม้า
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก CATL ความจุ 39.05 kWh ให้ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 15 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ภายใน 7 ชั่วโมงแบ่งเป็น 2 ทางเลือกทั้ง
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ให้กำลังรวมสูงสุด 314 แรงม้า แรงบิด 367 นิวตันเมตร มอเตอร์ด้านหลัง ATDM01 สามารถวิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 230 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC หรือ 222 กิโลเมตร (NEDC) และชาร์จหนึ่งครั้งกับน้ำมัน 1 ถังวิ่งไกลรวม 1,100 กิโลเมตร มาตรฐาน CLTC หรือ 1,061 กิโลเมตร (NEDC)อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.6 วินาที
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์ด้านหน้า AYDM01 ให้กำลัง 178 แรงม้า แรงบิด 262 นิวตันเมตร และมอเตอร์ด้านหลัง ATDM01 314 แรงม้า แรงบิด 367 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงถึง 492 แรงม้า แรงบิด 629 นิวตันเมตร วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 220 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC หรือ 212 กิโลเมตร (NEDC) และชาร์จหนึ่งครั้งกับน้ำมัน 1 ถังวิ่งไกลรวม 1,050 กิโลเมตร มาตรฐาน CLTC หรือ 1,013 กิโลเมตร (NEDC)
ขุมพลังไฟฟ้าล้วน BEV ความเร็วสูงสุดทำได้ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก CATL 82.16 kWh ชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 10 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ภายใน 14.5 ชั่วโมงมีให้เลือกทั้ง
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง XTDM39 e-motor ให้กำลังรวม 343 แรงม้า แรงบิด 365 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 627 กิโลเมตร (NEDC) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.3 วินาที
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ จากมอเตอร์หน้า XYDM05 e-motor 256 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร และมอเตอร์ด้านหลัง XTDM39 e-motor 343 แรงม้า แรงบิด 365 นิวตันเมตร จาก Huawei เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากถึง 598 แรงม้า แรงบิด 645 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุด 610 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC หรือ 588 กิโลเมตร (NEDC) ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.9 วินาที
กับช่วงล่างพื้นฐานอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแบบ แบบอิสระปีกนกคู่และด้านหลังแบบมัลติลิงค์พร้อมซับเฟรมนอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่หลายโหมดและช่วงล่างถุงลมปรับได้
ความปลอดภัย
พร้อมระบบการขับขี่อัจฉริยะจาก Huawei Qiankun ADS 3.0 ทำงานร่วมกับเซนเซอร์ 27 จุด และระบบ LiDAR 192 จุด และระบบกลับรถอัจฉริยะด้วยมอเตอร์คู่ 3.2 เมตร
- เตือนหากเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า (FCW)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- เตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาด้านหน้า (FCTA)
- เตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาด้านหลัง (FCTB)
- เตือนหากเสี่ยงต่อการโดนชนด้านหลัง (RCW)
- เตือนเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถที่มุมอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTฺB)
- ตรวจจับป้ายจราจร (TSR)
- ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW)
- เตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- แจ้งเตือนมุมอับสายตา (BSD)
- ควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผันแบบผสมผสาน (IACC)
- ควบคุมรถให้อยู่ในเลนขณะฉุกเฉิน (ELK)
- จอดรถอัตโนมัติ (APA)
- จอดอัตโนมัติจากระยะไกล (RPA)
พร้อมความปลอดภัยมาตรฐานทั้ง ถุงลมนิรภัยรอบคัน เสริมแรงเบรก (BA) ป้องกันล้อล็อก (ABS) กระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมการทรงตัว (ESP) ปองกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HHC) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าปรับสูง-ตํ่าได้ เตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและด้านหลัง
ล็อกเพื่อป้องกันเด็กเปิดประตูจากในรถแบบไฟฟ้า เบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน Auto Hold กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาแบบ 3 มิติ พร้อมระบบแสดงภาพตัวรถแบบโปร่งแสง บันทึกวิดีโอการขับขี่รอบทิศทาง 360 องศา ตรวจจับแรงดันลมยาง (TPMS)
เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุ ด้านหน้าและหลังด้านละ 6 จุด ช่วยป้องกันรถพลิกคว่ำ (ROM) สัญญาณป้องกันขโมย เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่ในความเร็วตํ่า (AVAS) จุดยึดเบาะนังสําหรับเด็กแบบ ISOFIX และอุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางแบบชั่วคราว (TRK)
AVATR 07 เตรียมเปิดตัวเวอร์ชันพวงมาลัยขวาที่แรกของโลกที่เมืองไทยปลายปีนี้ช่วงาน Motor Expo 2025 จัดระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม