Formula 1 เตรียมทดลองรูปแบบการควอลิฟายแบบใหม่ในปีหน้า โดยจะมีการบังคับการใช้ยางแต่ละชนิดในแต่ละ Q
นับตั้งแต่ปี 2006 F1 ได้ใช้รูปแบบการควอลิฟายที่มีการน็อคเอาท์รถช้าออกไปจากแต่ละช่วงการทำเวลา ซึ่งมันจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ Q1, Q2, และ Q3
รถแข่งทั้ง 20 คัน จะเข้าร่วมการจับเวลาใน Q1 โดยรถที่เร็วที่สุด 15 คัน จะได้เข้ารอบต่อไปในช่วง Q2 และรถที่เร็วที่สุดอีก 10 คัน จะเข้าไปต่อสู้แย่งกริดสตาร์ทกันใน Q3
รูปแบบการควอลิฟายแบบน็อคเอาท์ถูกใช้เรื่อยมา โดยที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเล็กๆ น้อยๆ เสมอมา ล่าสุด F1 พึ่งเปลี่ยนกฎควอลิฟายโดยการที่รถแข่งที่เร็วที่สุดใน 10 อันดับแรก หรือรถแข่งที่เข้า Q3 นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องสตาร์ทการแข่งขันด้วยยางที่ใช้ทำเวลาเร็วที่สุดใน Q2 อีกต่อไป
ในเบื้องต้น F1 วางแผนที่จะทดลองรูปแบบการควอลิฟายใหม่นี้สำหรับ 2 สนาม ในปี 2023 เพื่อประเมินว่าการแก้ไขรูปแบบการควอลิฟายนั้นเหมาะสมสำหรับการแข่งขันหรือไม่
ใน 2 สนามที่จะทำการทดลองนั้น นักแข่งจะต้องใช้ยางฮาร์ดสำหรับการทำเวลาใน Q1 ยางมีเดียมใน Q2 และยางซอฟต์ใน Q3 แต่ถ้าหากว่าเซสชั่นไหนถูกประกาศให้เป็นพื้นแทร็คเปียก นักแข่งจะได้รับอนุญาตให้ใช้ยางชนิดใดก็ได้
เป้าหมายอีกอย่างหนึ่งที่ F1 ต้องการทดลองเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบการควอลิฟายข้างต้น นั่นคือ พวกเขาต้องการที่จะลดจำนวนการใช้ยางในแต่ละสุดสัปดาห์การแข่งขัน โดยในสนามที่มีการใช้รูปแบบการควอลิฟายใหม่จะมียางให้นักแข่งได้ใช้จากคนละ 13 เหลือ 11 เซต
ในจำนวน 11 เซตนั้นจะเป็นยางฮาร์ด 3 เซต ยางมีเดียม 4 เซต และยางซอฟต์ 4 เซต ซึ่งจะเห็นได้ว่าจำนวนของยางแต่ละชนิดแตกต่างจากที่นักแข่งใช้ในปัจจุบัน โดยยางฮาร์ดและมีเดียมถูกเพิ่มจำนวนขึ้น ในขณะที่ยางซอฟต์ถูกลดจำนวนลง
ในส่วนของยางลุยฝนอย่างยางอินเตอร์มีเดียตและยางเวทจะยังคงจำนวนตามเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยจะเป็นยางขอบเขียว 4 เซต และยางขอบฟ้า 3 เซต
อ้างอิง : the-race.com