Dorna Sports ผู้จัดการแข่งขัน MotoGP ได้ประกาศอย่างเป็นทางการที่จะริเริ่มรูปแบบการแข่งขัน “สปรินท์เรซ” ในทุกสุดสัปดาห์การแข่งขัน นับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป
สปรินท์เรซนั้นจะถูกจัดการแข่งขันในวันเสาร์ และมีระยะทางแข่งขันเพียงครึ่งเดียวของวันอาทิตย์ และยังมีคะแนนสะสมให้เก็บอีกด้วย โดยคะแนนนั้นจะถูกให้เป็นครึ่งหนึ่งของวันอาทิตย์เช่นกัน
แตกต่างจาก Formula 1 สปรินท์เรซของ MotoGP จะไม่มีการจัดลำดับการสตาร์ทตามอันดับที่นักแข่งเข้าเส้นชัยในวันเสาร์ นอกจากนั้น มันยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจที่แฟน ๆ ควรจะต้องรู้ ก่อนที่มันจะถูกใช้ในปีหน้า
ทำไมจึงต้องมีสปรินท์เรซ?
ก็คงต้องบอกว่า อะไรก็ตามที่ไม่ปรับตัวตามยุคตามสมัย สิ่งนั้นก็มักจะตกยุคและเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ MotoGP เองก็เช่นกัน ในหลายปีที่ผ่านมา ความสนใจในตัวกีฬานั้นมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าพวกเขาจึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนที่สถานการณ์จะแย่ไปกว่านี้
ทางรายการพยายามกระตุ้นความสนใจด้วยการเปิดตัวสารคดีเบื้องหลังชื่อว่า “MotoGP Unlimited” บน Amazon Prime ในเดือนมีนาคม แต่ตัวซีรีส์กลับล้มเหลวและถูกระงับการถ่ายทำซีซัน 2 ไปเป็นที่เรียบร้อย
เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่จำเป็นต้องทำมากขึ้น Dorna Sports จึงได้ทำการสำรวจแฟน ๆ ทั่วโลกร่วมกับ Motorsport Network ซึ่งมีคำตอบมากกว่า 100,000 รายการ โดยแนวคิดหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากคือ การแข่งรูปแบบสปรินท์เรซ หรือลอกการบ้าน Formula 1 ที่ทำมาตั้งแต่ปี 2021 และ WSBK ที่ทำมาตั้งแต่ปี 2019
หากสปรินท์เรซได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ ทั้งทางบ้านและข้างสนาม มันก็จะช่วยดึงดูดสปอนเซอร์มากขึ้น และเพิ่มการเปิดรับทั่วโลกโดยรวม
เมื่อไรที่สปรินท์เรซจะเริ่มขึ้น?
นับตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป สปรินท์เรซจะถูกจัดให้มีการแข่งขันกันในวันเสาร์ เวลาบ่าย 3 โมง ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละสนาม โดยจะขยับการควอลิฟายให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะนำมาจัดเป็นกริดสตาร์ทของสปรินท์เรซ
สปรินท์เรซใน MotoGP มีลักษณะการแข่งขันเป็นอย่างไร?
สปรินท์เรซจะมีระยะทางการแข่งขันเพียงครึ่งเดียวของการแข่งขันปกติ ยกตัวอย่างเช่น British Grand Prix ที่มีการแข่งขัน 20 รอบ สปรินท์เรซก็จะใช้การแข่งขันเพียง 10 รอบ
เพื่อสอดแทรกการแข่งขันสปรินท์เรซเข้าไประหว่างสุดสัปดาห์การแข่งขัน รูปแบบสุดสัปดาห์การแข่งขันจะถูกปรับเปลี่ยนเล็กน้อย รอบซ้อม FP1 และ FP2 จะยังคงอยู่ในวันศุกร์ แต่มันจะถูกเพิ่มระยะเวลาในการซ้อม ซึ่งก็ยังไม่มีการยืนยันระยะเวลาที่แน่นอนออกมา อย่างไรก็ตาม รูปแบบใหม่นี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า เวลาในสนามจริงในช่วงสุดสัปดาห์การแข่งขันจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปี 2022 ซึ่งจะทำให้การจัดสรรยางและเครื่องยนต์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
อันดับรวมเมื่อสิ้นสุด FP2 จะตัดสินว่า ใครจะต้องเข้าไปควอลิฟายในรอบ Q1 และใครที่จะสามารถตีตั๋วเข้าไปสู่รอบ Q2 โดยตรง
ในช่วงเช้าวันเสาร์ FP3 จะเปิดให้นักแข่งลงทำการฝึกซ้อมเป็นเวลา 30 นาที และจะถูกจัดก่อนการควอลิฟาย ส่วนรอบ FP4 ก็จะถูกแทนที่ด้วย FP3 ใหม่นี้
การควอลิฟายจะยังคงใช้รูปแบบเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2013 โดยผลการควอลิฟายนั้นจะเป็นตัวตัดสินกริดสตาร์ททั้งสปรินท์เรซและเรซหลัก ซึ่งนี่คือสิ่งที่แตกต่างจาก F1 เพราะ F1 จะใช้อันดับสปรินท์เรซในการจัดอันดับเรซหลัก และแตกต่างจาก WSBK เช่นกัน โดย WSBK จะใช้อันดับในรอบสปรินท์ หรือที่ทางรายการเรียกว่า ซูเปอร์โพล ในการจัด 9 อันดับแรกของเรซหลักที่ 2 นอกจากนั้นรอบวอร์มอัพในวันอาทิตย์ก็จะถูกถอดออกไปด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป รุ่นใหญ่สุดอย่าง MotoGP จะถูกจัดให้มีเซสชันอยู่หลังสุดในทุกวัน โดยในปัจจุบัน MotoGP จะเป็นรุ่นที่ถูกจัดเซสชันระหว่าง Moto3 และ Moto2 ในวันศุกร์และเสาร์ แต่เป็นเซสชันท้ายสุดในวันอาทิตย์ เพื่อให้แฟน ๆ ได้มีส่วนร่วมมากขึ้น
รูปแบบสุดสัปดาห์การแข่งขันใหม่นี้ยังไม่มีความชัดเจนออกมาหากการแข่งขันนั้นทับซ้อนกับวันที่มีการแข่งขัน F1 โดย ณ ปัจจุบัน รุ่น MotoGP จะถูกออนแอร์ก่อนการแข่งขัน F1 เมื่อมีเวลาแข่งขันที่ชนกันในยุโรป
สปรินท์เรซมีการคิดคะแนนอย่างไร?
คะแนนครึ่งหนึ่งของการแข่งขันเรซหลัก จะถูกมอบให้สำหรับการแข่งขันสปรินท์เรซ หรือก็คือ เรซหลักนั้นมีการคิดคะแนนตาม 15 อันดับแรกที่ผ่านเส้นชัยอยู่ที่ 25, 20, 16, 13, 11, 10, 9, 8, 7, 6, 5, 4, 3, 2, 1 ส่วนสปรินท์เรซนั้นจะคิดคะแนนเป็น 12, 9, 7, 6, 5, 4, 3, 2, 1 ตามลำดับจากผู้ชนะจนถึงอันดับ 9
เหล่านักบิดคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสปรินท์เรซ?
แน่นอนว่าเมื่อมีการริเริ่มอะไรใหม่ ๆ เสียงก็มักจะแตกออกเป็น 2 ฝั่ง ทางด้านผู้สนับสนุนสปรินท์เรซมีตั้งแต่ Jack Miller, Joan Mir, รวมไปถึง Marc Marquez ซึ่งพวกเขาคิดว่ามันจะสร้างโชว์ที่ตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ส่วนผู้ไม่เห็นด้วยนั้นนำโดย Fabio Quartararo และ Aleix Espargaro โดยพวกเขาคิดว่ามันจะสร้างภาระความเหนื่อยล้าให้กับนักแข่งมากเกินไป
อ้างอิง : motorsport.com
