นับตั้งแต่ขายจีนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2022 BYD ATTO 3 หรือ BYD YUAN PLUS ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวจีนขยายไปทั่วโลก
แม้สถานการณ์ของค่ายในจีนไม่ค่อยสู้ดีกับการชะลอสายการผลิตที่โรงงานในจีนโดยยกเลิกการทำงานของพนักงานกะกลางคืนและลดกำลังการผลิตเหลือ 1 ใน 3 และยังระงับแผนการสร้างโรงงานใหม่เนื่องจากภาวะสต๊อกล้นตลาดแถมให้ส่วนลดสูงเพื่อดึงดูดลูกค้าก็ตาม
แต่ BYD ATTO 3 กลับมียอดขายสะสมทั่วโลกทะลุ 1,000,000 คัน เป็นเวลา 3 ปี 9 เดือนที่ขายกันมาและกลายเป็นรุ่นรถของค่าย BYD ที่ประสบความสำเร็จจำหน่ายไปแล้ว 110 แห่งทั่วโลกรวมถึงเมืองไทย
ในเมืองจีนมียอดขาย 300,000 คันภายใน 14 เดือนหลังเปิดตัวที่จีนและอีก 200,000 ในช่วง 6 เดือนต่อมาหลังจากนั้นก็เดินทางมาสู่ยอดขายทั่วโลก 1,000,000 คันภายในเวลา 25 เดือน โดยใช้เวลา 1,391 วันในการขายครบ 1 ล้านคัน เมื่อมาคำนวณแล้วรุ่นนี้ขายเฉลี่ย 30 คันต่อชั่วโมง คิดเป็นวันละ 719 คัน 5,032 คันต่อสัปดาห์ จนกลายเป็น 20,129 คันต่อเดือน
ในปัจจุบัน BYD ATTO 3 ประกอบในไทยที่โรงงาน BYD AUTO (Thailand) ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง ด้วยกำลังการผลิตสูงสุดถึง 150,000 คันต่อปี กับการเปลี่ยนแปลงด้วยล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ปัดเงาสีทูโทนลายใหม่พร้อมยาง 235/50R18 จากค่าย Continental’s EcoContact 6Q นอกนั้นคงเดิมทั้ง
กระจังหน้าแบบปิดทึบขอบกระจังหน้าห่อหุ้มด้วยเส้นโครเมียมคาดไฟหน้าแบบ LED มีไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Light (DRL) ในโคมเดียวกันในชุดกันชนหน้าทูโทนสีพร้อมสีดำในรูปแบบช่องระบายอากาศ ด้านข้างตกแต่งด้วยกรอบกระจกโครเมียมหลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ปีกนก ดีไซน์ด้านหลังสโลปลงพร้อมสปอยเลอร์ สะดวกสบายด้วยระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายไฟฟ้าแบบ One-Touch ด้านท้ายเปลี่ยนมาใช้โลโก้ BYD แทนโลโก้เดิม Build Your Dream เสา D ตกแต่งสีดำ
ภายในเหมือนเดิมด้วยโทนสีตกแต่งสีสองสีทั้ง สีน้ำเงิน-เทาและน้ำเงิน-ดำ หน้าจอสัมผัส Infotainment เพิ่มขนาดเป็น 15.6 นิ้ว ปรับหมุนจอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play กับ Android Auto ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light บริเวณมือจับประตู ปรับสีได้ 31 สี ได้ไฟกะพริบตามจังหวะเพลง ได้ลำโพง Dirac HD Sound 8 จุด และ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 และ Karaoke แอปพลิเคชันร้องคาราโอเกะ บนรถได้ ที่ชาร์จมือถือไร้สาย เชื่อมต่ออัจฉริยะ BYD DiLink มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว แสดงผลการขับขี่กระจกไฟฟ้า 4 บานแบบ One-touch พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-Pinch
เครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อม CN95 Filter เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมพื้นที่สัมภาระมากถึง 1,340 ลิตรเมื่อพับเบาะลงและ 440 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ เบาะไฟฟ้าคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พร้อมความสะดวกสบายทั้งช่องจ่ายไฟ 12V 120w 1 จุด ที่คอนโซลกลาง กุญแจแบบคีย์การ์ด พร้อมระบบ Keyless Start มีช่องเสียบ USB ทั้ง ช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต ที่คอนโซลกลาง และช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกไฟฟ้า 4 บานแบบ One-touch พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-Pinch
ขุมพลังไฟฟ้าให้กำลังมากถึง 201 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าแบบ Permanent magnet synchronous motor แบ่งเป็น 2 รุ่นเริ่มที่รุ่น Extended ด้วยความจุแบตเตอรี่ BYD Blade Battery 60.48 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.3 วินาที พร้อมระบบชาร์จเร็ว DC–CCS 2 รองรับการชาร์จสูงสุด 88 kW สามารถชาร์จได้เร็วสุด 35 นาที 30-80% และชาร์จแบบ AC Type 2 (7.4kW) เร็วสุด 9.5 ชั่วโมง รองรับหัวชาร์จ แบบ AC 3 ขา
ส่วนรุ่น Premium มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ BYD Blade Battery 50.25 kWh (เดิม 49.92 kWh) วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 410 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.9 วินาที มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว DC – CCS 2 (70 kW) สามารถชาร์จได้เร็วสุด 30 นาที 30-80% และชาร์จแบบ AC Type 2 (7kW) เร็วสุด 8.5 ชั่วโมง รองรับหัวชาร์จ แบบ AC 3 ขา
พร้อมระบบ V2L (Vehicle To Load) จ่ายไฟฟ้าได้ 2.2 kW เทคโนโลยีที่ใช้แบตเตอรี่จ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นๆ เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ ดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative braking) มั่นใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังระบบมัลติ-ลิงค์ ให้ความนุ่มนวลและเกาะถนนดีเยี่ยมและความปลอดภัยครบครันอัปเกรดซอฟต์แวร์ล้ำสมัยยิ่งกว่าที่เคยเพื่อมอบความอุ่นใจขณะเดินทางให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้ง
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (ACC-S&G)
- ช่วยเบรกอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB)
- เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW)
- เตือนการชนด้านหลัง Rear Collision Warning (RCW)
- เตือนจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring (BSD)
- เตือนก่อนเปิดประตู Door Open Warning (DOW)
- เตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist (LKA)
- เตือนขณะถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- เตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Brake (RCTB)
- ไฟส่องนําทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HMA)
ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) กล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH) เซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
ถุงลมนิรภัยคู่หน้าฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง–ฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ด้านหน้าและด้านหลัง และถุงลมนิรภัยระหว่างคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้าระบบสตาร์ทอัจฉริยะ สามารถปิดระบบแจ้งเตือนคนข้ามถนนได้ เมื่อใส่เกียร์ P สามารถปิดไฟ Daytime Running Light ได้
โดยมีทั้งหมด 3 สีไม่ว่าจะเป็น สีเทา Graphite Grey สีขาว Frost White และสีดำ Quantum Black และมีการจัดแคมเปญลดโหด 100,000 บาท ถึง 31 กรกฎาคม โดยรุ่น Extended มาในราคา 799,900 บาท และรุ่น Premium มาในราคา 699,900 บาท สิทธิประโยชน์จาก RÊVER Care ดังนี้
- ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. นานสูงสุด 1 ปี
- ดอกเบี้ย 1.98% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน
- โฮมชาร์จเจอร์พร้อมการติดตั้ง
- รับประกันระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน
- รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน
- รับประกันคุณภาพรถยนต์ 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปี
- สายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือ V to L
- สายชาร์จเคลื่อนที่ AC Portable Charger
- ค่าจดทะเบียนรถ
- พรมเข้ารูป ผ้ายาง กรอบป้ายทะเบียน ฟิล์มหน้าจอกลาง
- แถมฟิล์ม Ceramic ยี่ห้อ XUV MAX
ที่มา CarNewsChina