ในขณะที่แฟนๆชาวไทยที่ชื่นชอบรถอีวีเตรียมรอคอยการมาของ BYD SEALION 7 เอสยูวีอีวีทรงสปอร์ตพลังอีวีที่พร้อมจะเปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม
และแล้วฮ่องกงก็พร้อมที่จะเปิดตัว BYD SEALION 7 เวอร์ชันพวงมาลัยขวาออกจำหน่ายโดยทางสื่อฮ่องกงอย่าง Automobile Magazine Hong Kong เผยภาพคันจริงในเพจของเขาเอง
ภายนอก Exterior
เอสยูวีทรงสปอร์ตจากตระกูล Ocean ดีไซน์โดย Wolfgang Egger หัวหน้าฝ่ายออกแบบค่ายที่เคยฝากผลงานในอดีตกับค่าย AUDI โดยได้แรงบันดาลใจจากต้นแบบ BYD Ocean X ด้านหน้าหล่อคล้ายๆ BYD SEAL U ตั้งแต่ภายนอกด้วยไฟหน้า LED รูปตัว C พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวดีไซน์หลบมุมซ้ายขวามีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกัน พร้อมตรา BYD กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป หลังคาแบบ Panoramic Glass Roof มาพร้อมเทคโนโลยีการตัดแสงและรังสียูวี ป้องกันความร้อนเข้าสู่ห้องโดยสาร
กระจกมองข้างปรับองศาอัตโนมัติพร้อมระบบ Mirror Memory และระบบทำความร้อนไล่ฝ้า เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง กระจกบังลมหน้าและหน้าต่างแถวหน้าแบบเก็บเสียง และหน้าต่างส่วนตัวผู้โดยสารตอนหลังไฟท้าย LED ออกแบบรูปตัวเอลากยาวอย่างต่อเนื่องติดตรา BYD รับกับกันชนหลังดีไซน์ตัวซีพร้อมดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันชนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา คิ้วขอบล้อทรงสปอร์ตรับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R20 จากค่าย MICHELIN และมีขนาด 19 นิ้วให้เลือกพร้อมยางขนาด 235/50R19 และ 255/45R19 สร้างจากแพลตฟอร์ม e-platform 3.0 รุ่นนี้อยู่กึ่งกลางรุ่น ATTO3 และรุ่น SEAL U มีมิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,830 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,925 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,620 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,930 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,155-2,330 กิโลกรัมเท่ากันกับรุ่น SONG L
ภายใน Interior
หรูหราอย่างน่าประหลาดใจด้วยการดีไซน์มีความคล้ายกับ BYD QIN L ด้วยดีไซน์คอนโซลหน้าหุ้มหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสี่ก้านแบบท้ายตัด ติดตั้งมาตรวัดความเร็ว 10.25 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว สามารถหมุนจอได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ HUD 50 นิ้ว ลำโพง Dynaudio 12 จุด ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light มากถึง 128 สี ระบบกุญแจ NFC ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส และช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด แท่นชาร์จมือถือไร้สายสองช่อง
เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ตัดเย็บประณีตฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมกับระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ สามารถบันทึกตำาแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ Memory Seat ความจุห้องเก็บสัมภาระ 500 ลิตร เครื่องปรับอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังพร้อมระบบฟอกอากาศประจุลบพร้อมกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึงระดับ CN95 น้ำหอมปรับอากาศเลือกได้ถึง 3 กลิ่น กระจกบังลมหน้าและหน้าต่างแถวหน้าแบบเก็บเสียง และหน้าต่างส่วนตัวผู้โดยสารตอนหลัง
สมรรถนะ Performance
สเปกฮ่องกงอาจคล้ายกับสเปกไทยด้วยไฟฟ้าพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) Blade Battery เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถเรียกว่า Cell To Body หรือ CTB กับความจุแบตเตอรี่ 82.5 kW ที่มีถึง 2 รุ่นเริ่มที่
- รุ่น Extended Range เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.7 วินาที วิ่งไกลสุด 567 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
- รุ่นท็อป AWD Performance ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิด 670 นิวตันเมตรจากมอเตอร์คู่หน้าให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 542 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC
ระยะเวลาการชาร์จมาแบบกระแสตรง DC รองรับกำลังสูงสุด 150kW 10-80% ภายใน 25 นาที กับกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 11 kW
พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้ง Eco, Standard และ Sport มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ พร้อม ช่วงล่างแบบปีกนกคู่ด้านหน้า และ Multi-Link ด้านหลัง ช่วยควบคุมการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล
ความปลอดภัย Safety
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
- ป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS)
- ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
- ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC)
- ช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ช่วยเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า (FCTB)
- ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
- ช่วยขับขี่อัจฉริยะ กล้องมองรอบคัน 360 องศา
- ช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (ACC-S&G)
- เซนเซอร์ช่วยจอด ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
- แจ้งเตือนจํากัดความเร็วอัจฉริยะ (ISLI)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ISLC)
- เตือนการออกนอกช่องทางเดินรถ (LDA)
- ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
- แสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD)
- ตรวจสอบความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ (DFM)
- ตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS)
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน 11 จุด
ทางฮ่องกงเตรียมเปิดตัวก่อนไทยคาดว่าพบกันปลายเดือนกันยายนหรือต้นเดือนตุลาคมคาดว่าค่าตัวจะเริ่มต้น HK$270,000 หรือราว 1,155,000 บาท สำหรับเมืองไทยเป็น 1 ใน 5 ใหม่ต่อจาก BYD ATTO 3 MY2024, BYD Dolphin CKD, BYD SEALION 6,BYD M6 และ BYD SEALION 7 พร้อมขายในไทยกลางเดือนตุลาคมนี้
ที่มาภาพ Automobile Magazine Hong Kong