เชื่อว่าพอฤดูหนาวมาเยือน หลายคนต้องเจอปัญหา “สตาร์ทรถไม่ติด สตาร์ทติดยาก” ทั้งที่ก็ใช้อยู่ทุกวัน สร้างความเบื่อหน่ายและเป็นกังวลกับวันเวลาที่ต้องเร่งรีบออกไปทำธุระ ซึ่งสาเหตุนั้นก็มาจากหลายปัจจัย โดยอากาศที่หนาวเย็นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุนั้นเช่นกัน ที่ทำให้รถของคุณสตาร์ทติดยาก ลองมาดูวิธีคลี่คลายปัญหานี้กันดูครับ
สาเหตุหลัก ๆ ที่คุณต้องเช็กหากสตาร์ทรถไม่ติด
- หัวเทียนสึกกร่อน เนื่องจากการใช้งานรถยนต์มาอย่างยาวนาน ซึ่งหัวเทียนควรจะเปลี่ยนทุก ๆ 20,000 – 30,000 กิโลเมตร และควรตรวจสภาพหัวเทียนบ่อย ๆ
- ขั้วแบตเตอรี่หลวมและระดับน้ำยาแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ แบตเตอรี่ถือเป็นหัวใจหลักอย่างหนึ่งของรถยนต์ที่ทำให้รถใช้งานได้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบสภาพขั้วให้แน่นหนาและระดับน้ำยาแบตเตอรี่ให้มีเพียงพออยู่เสมอ
- ไดชาร์จเสีย ไดชาร์จเป็นตัวปั่นไฟให้เข้าไปเก็บในแบตเตอรี่และจ่ายกระแสไฟไปส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์ ซึ่งหากไดชาร์จเสียก็จะทำให้รถยนต์สตาร์ทไม่ติด หากเกิดปัญหาจึงต้องนำไปซ่อมที่อู่หรือศูนย์ซ่อมโดยด่วน
- ไดสตาร์ทหรือมอเตอร์สตาร์ทรถเสีย ไดสตาร์ทมีหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล ทำให้เครื่องยนต์รถติด หากมีอาการเสียก็จะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เมื่อพบปัญหาแล้วให้นำส่งซ่อม
- สายไฟขาดหรือระบบไฟฟ้ามีปัญหา เพราะการสตาร์ทรถนั้น ต้องใช้ไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ภายในรถ หากมีหนูมากัดสายไฟขาดหรือระบบไฟฟ้ามีปัญหาที่จุดใดจุดหนึ่ง ก็จะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด
ฤดูหนาวคงเป็นฤดูที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คน ด้วยความเย็นสบาย ไปเที่ยวที่ไหนก็สวยไปหมด อากาศสดชื่น แต่สิ่งที่ไม่สดชื่นตามมานั้นคือปัญหาจากเครื่องยนต์ที่ต้องเผชิญกับอากาศเย็นจัดนั้น ก็อาจจะทำให้คุณหมดสนุกได้ เพราะทั้งสตาร์ทติดยาก ปัญหาที่พบบ่อยนั้นก็คือ น้ำมันเครื่องจับตัวเหนียวหนืด ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้พลังในการสตาร์ทมากขึ้น ลองมาดูวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นดังนี้
- พยายามสตาร์ทรถยนต์ โดยหากเป็นรถยนต์ที่มีโช๊คแบบใช้มืออยู่ ดึงโช๊คขึ้นและกดปุ่มสตาร์ทรถ หรือบิดกุญแจสตาร์ทรถ หลังจากนั้นเหยียบคันเร่งจนกว่ารถจะสตาร์ทติด ส่วนรถยนต์ที่มีโช๊คแบบอัตโนมัติ ให้กดปุ่มหรือบิดกุญแจสตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งเพื่อสตาร์ทรถให้ติด
- วอร์มแบตเตอรี่ก่อนเมื่อรถสตาร์ทติดแล้วเป็นอย่างน้อย 15-20 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องที่มีความเหนียวหนืดเนื่องจากอากาศเย็นได้คลายตัวเหลวมากขึ้น ซึ่งหากสตาร์ทรถติดแล้วแต่ไม่วอร์มแบตเตอรี่ จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอและเสื่อมเร็วได้
วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นอาจจะไม่ได้ยุ่งยากมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณต้องหมั่นดูแลรักษา เช็กสภาพรถยนต์ของคุณเป็นประจำ เพื่อที่เวลาเดินทางไปไหนไกล ๆ จะได้ไม่เกิดปัญหาให้เสียเวลาเที่ยวกันนะครับ
บทความอื่นๆ
- โอนรถมอเตอร์ไซค์ เปลี่ยนชื่อเจ้าของ ต้องทำยังไงบ้าง?
- เช็กให้ดี!! ก่อนถอยรถป้ายแดงออกจากโชว์รูม
- 7 สิ่งควรรู้ ก่อนซื้อรถมอเตอร์ไซค์มือสอง